จุดบอดที่ปิดไม่มิดของ ปารีส

 

เป็นอีกหนึ่งเกมที่เราได้เห็นความยอดเยี่ยมของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเป๊ป กวาดิโอลาร์ กุนซือของพวกเค้าที่แสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าแบบชัดเจนต่อเหล่ายอดมนุษย์จากปารีส อย่างไรก็ตาม เกมนี้ ปารีส เองก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานอีกด้วย เกมนี้ทำให้เราเห็นจุดบอดที่ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ปิดไม่มิดของปารีสด้วยเช่นกัน

บอลชายเดี่ยว

การเล่นฟุตบอลของปารีส ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ตั้งแต่ยุคทูเคิ่ล จนมาถึงยุคของ พอช เรามักจะเห็นความเป็น บอลชายเดี่ยว ของนักเตะปารีส เสมอ เกมนี้เองก็เช่นกัน พอเจอระบบเข้าไป บอกเลยว่า ปารีสเองสู้ไม่ได้ พวกเค้ามักจะติดเล่นบอลแบบข้ามาคนเดียวเสมอ เจาะจงลงไปเป็นเนย์มาร์ เกมนี้ก็แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า เค้ายังไม่ดีพอสำหรับการจะขึ้นมาเป็นเบอร์ต้นๆของโลกลูกหนังอย่างที่คิดเอาไว้ การโชว์โดยไม่จำเป็นทำให้ทีมแทนที่จะได้เปรียบ กลับเสียเปรียบกว่าเดิม

บอลติดดาบ

อีกหนึ่งสไตล์การเล่นที่เรารู้สึกไม่ชอบเลยเวลาดู ปารีส เล่นฟุตบอบ ก็คือการเล่นสไตล์ติดดาบ เข้าแรง มีลูกแถม ลูกตอด ตลอดเวลา การเล่นแบบนี้ ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ในสนามดีขึ้นเลย แถมกลับแย่ลงอีกด้วยซ้ำไป คราวนี้ก็เป็น เคสของ อังเคล ดิมาเรีย ที่โดนใบแดงออกไป หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าจังหวะดังกล่าวจงใจหรือไม่ แต่เราบอกได้เลยว่าจงใจแน่นอน การเหลือบมองไปก่อนจากนั้นค่อยออกแอ็คชั่น มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าจงใจ บวกกับในสนามที่เสียบติดดาบตลอด แสดงถึงอาการหัวร้อน ควบคุมตัวเองไม่ได้ นั่นทำให้อีกฝ่ายปั่นหัวได้ง่ายมากขึ้น อย่าลืมว่านี่คือฟุตบอลระดับสโมสรที่สูงที่สุดในโลก เรื่องแค่นี้เค้ามองขาด รับมือได้แน่นอน

ไม่มีเป้คือจบ

เกมนี้ คนที่แฟนบอลคิดถึงมากที่สุดก็คือ คิริยัน เอ็มปัปเป้ เด็กระเบิดที่เคยสร้างความประทับใจมาแล้วในเกมแรก แต่พอเกมนี้ไม่ได้ลง กลายเป็น มาร์โก้ แวร์รัตติ ลงแทน ทุกอย่างคือจบเลย เพราะการขาดเป้ มันทำให้ ปารีส เป๋ไปอย่างเห็นได้ชัด แม้จะมีเนย์มาร์ในสนามก็ตามที ถือว่าเป็นจุดบอดที่ต้องกลับไปแก้ไขกันต่อไป