ถือว่าเป็นการเจอกันที่ถูกที่ถูกเวลาทีเดียวระหว่าง รีล มาดริด ที่โคจรมาเจอกับคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แอต.มาดริด ที่บอกเลยว่างานนี้ไม่มีใครยอมใครแน่นอน แถมมีถ้วยแชมป์เป็นรางวัลผู้ชนะด้วย ทำให้เกมนี้ต้องบอกว่าเป็นคู่ชิงที่สนุกสุดๆอีกปีหนึ่งเลย แม้ว่าท้ายที่สุดจะเป็น รีล มาดริด เป็นฝ่ายเอาชนะจากช่วงดวลจุดโทษไปได้ 4-1 เรามาเก็บตกหลังเกมนี้กันว่ามีประเด็นอะไรน่าสนใจกันบ้าง
เกมรุกโหด ยิงกันแบบไม่ถอย
ว่ากันเรื่องรูปเกมกันก่อน ต้องบอกว่าทั้งสองฝั่งเปิดหน้าแลกหมัดกันแบบไม่มีใครยอมใคร ตั้งแต่เสียงนกหวีดแรกเลย พอได้บอลทั้งสองฝ่ายต่างก็พาบอลขึ้นไปข้างหน้าเพื่อจะทำประตูฝ่ายตรงข้ามให้ได้ การเล่นฟุตบอลตามช่อง การเลี้ยงกินตัวด้วยเทคนิค และการทำชิ่งเจาะตามช่อง ตามสไตล์ฟุตบอลลาลีก้าสเปน เราจะได้เห็นทั้งสองฝั่ง ยอมรับว่าตอนแรกที่ดูง่วงมาก แต่พอเกมเริ่มบุกโต้กันไปมาทำให้เราไม่ง่วงเลยตื่นเต้นตลอด
โอบลัค , คูร์กตัวส์ ผลัดกันเซฟ
ไม่น่าเชื่อว่าเกมรุกของทั้งฝ่ายทำงานตลอดเวลา เกมบุกอย่างคม อย่างโหด แต่ไม่มีประตูเกิดขึ้นเลย เสมอกันไป 0-0 จนต้องไปลุ้นกันต่อในช่วงจุดโทษ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า ผู้รักษาประตูทั้งสองฝั่งไม่ว่าจะเป็น ยาน โอบลัค จากฝั่งแอต.มาดริด และ คูร์กตัวส์ จากฝั่งรีล มาดริด ทั้งสองคนต้องบอกว่า เข้าฝักมากทีเดียว ทั้งคู่อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด ต้องบอกเลยว่าถ้าเป็นเกมอื่นแต่ละช็อตต้องเป็นประตูแล้ว แต่โดนทั้งคู่ปฏิเสธเอาไว้ แต่เป็นทาง คูร์กตัวส์ เซฟมากกว่าทั้งในเกม และ ช่วงจุดโทษจนทำให้ทีมเอาชนะไป
ใบแดงที่เสียสละ
เกมที่คู่คี่สูสีกัน จังหวะเดียวอาจจะตัดสินผลแพ้ชนะได้เลย ซึ่งจังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงต่อเวลา นาทีที่ 115 ตอนนั้น รีล มาดริด จ่ายบอลพลาดทำให้ ฝั่งแอต.มาดริดตัดบอลได้ จ่ายเร็วเพื่อให้ โมราต้า วิ่งควบไปขณะที่กำลังจะหลุดเดี่ยวนั้น ตัวที่วิ่งตามมาก็คือ เฟเด้ วัลเวร์เด้ รู้ว่าวิ่งไม่ทันก็สไลด์ตัดเกมแน่นอนว่าฉากนี้ใบแดงแน่นอน แต่เป็นใบแดงที่คุ้มค่ามากเพราะมันทำให้รีล มาดริดไม่เสียประตู ก่อนจะเอาชนะได้ในที่สุด เป็นอีกหนึ่งประเด็นเก็บตกที่คงพูดกันอีกนาน