Author Archives: superstar

คอนเฟิร์ม 16 ทีมลุยรอบน็อกเอาต์ ยูโร 2024 ทีมใหญ่มาครบ, จอร์เจีย สร้างเซอร์ไพรส์!

คอนเฟิร์ม 16 ทีมลุยรอบน็อกเอาต์ ยูโร 2024 ทีมใหญ่มาครบ, จอร์เจีย สร้างเซอร์ไพรส์!

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2024” ที่ประเทศเยอรมนีได้เดินทางผ่านรอบแบ่งกลุ่มเป็นที่เรียบร้อย หลังเสร็จสิ้นการแข่งขันในกลุ่ม อี และ เอฟ เมื่อคืนวันพุธที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งหมายความว่า ตอนนี้เราได้ทีมที่ผ่านเข้าไปลุยต่อในรอบ 16 ทีมสุดท้ายครบแล้ว  วันนี้ทาง sbobet 888 จะพามาสรุปผลการแข่งขันของแต่ล่ะกลุ่ม

เยอรมนี เจ้าภาพและแชมป์กลุ่ม เอ เข้ารอบตามคาดหลังจากชนะสกอตแลนด์ 5-1, ชนะฮังการี 2-0, และเสมอสวิตเซอร์แลนด์ 1-1 ด้วยการทำประตูช่วงทดเจ็บของนิคลาส ฟูลล์ครูก ส่วนสวิตเซอร์แลนด์ รองแชมป์กลุ่ม เอ ก็สร้างผลงานที่ดีเช่นกัน โดยชนะฮังการี 3-1, เสมอสกอตแลนด์ 1-1 และเสมอเยอรมนี 1-1

สเปน แชมป์กลุ่ม บี ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมโดยชนะโครเอเชีย 3-0, ชนะอิตาลี 1-0 และชนะแอลเบเนีย 1-0 โดยไม่เสียประตูเลย ส่วนอิตาลี รองแชมป์กลุ่ม บี ผ่านเข้ารอบด้วยการชนะ แอลเบเนีย 2-1, แพ้สเปน 0-1 และเสมอโครเอเชีย 1-1

อังกฤษ แชมป์กลุ่ม ซี เข้ารอบแม้จะไม่โดดเด่นเท่าที่ควร แต่ก็ยังสามารถผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มด้วยการชนะเซอร์เบีย 1-0, เสมอเดนมาร์ก 1-1 และเสมอสโลวีเนีย 0-0 ส่วนเดนมาร์ก รองแชมป์กลุ่ม ซี เข้ารอบแม้จะไม่ชนะใครเลย โดยเสมอสโลวีเนีย 1-1, เสมออังกฤษ 1-1 และเสมอเซอร์เบีย 0-0 ขณะที่สโลวีเนีย อันดับสามกลุ่ม ซี ก็สามารถผ่านเข้ารอบในฐานะหนึ่งในทีมอันดับสามที่ผลงานดีที่สุด

ออสเตรีย แชมป์กลุ่ม ดี ทำผลงานได้เยี่ยมชนิดหักปากกาเซียน โดยชนะโปแลนด์ 3-1 และชนะเนเธอร์แลนด์ 3-2 หลังจากแพ้ฝรั่งเศส 0-1 ในเกมแรก ส่วนฝรั่งเศส รองแชมป์กลุ่ม ดี เข้ารอบแม้ฟอร์มการเล่นไม่ค่อยน่าประทับใจ โดยชนะออสเตรีย 1-0 เสมอเนเธอร์แลนด์ 0-0 และเสมอโปแลนด์ 1-1 ด้านเนเธอร์แลนด์ อันดับสามกลุ่ม ดี ก็คว้าตั๋วเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ด้วยการมี 4 แต้ม

โรมาเนีย แชมป์กลุ่ม อี ผ่านเข้ารอบด้วยการมีสถิติดีสุดในเรื่องประตูได้-เสีย โดยชนะยูเครน 3-0, แพ้เบลเยียม 0-2 และเสมอสโลวาเกีย 1-1 ส่วนเบลเยียม รองแชมป์กลุ่ม อี ก็คว้าตั๋วเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ด้วยการชนะโรมาเนีย 2-0, เสมอยูเครน 0-0 และแพ้สโลวาเกีย 0-1 ด้านสโลวาเกีย อันดับสามกลุ่ม อี ก็สามารถผ่านเข้ารอบในฐานะหนึ่งในทีมอันดับสามที่ผลงานดีที่สุด

โปรตุเกส แชมป์กลุ่ม เอฟ เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มแม้จะแพ้จอร์เจียในนัดสุดท้าย โดยชนะเช็ก 2-1 และชนะตุรกี 3-0 ส่วนตุรกี รองแชมป์กลุ่ม เอฟ ก็คว้าตั๋วเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ด้วยการชนะจอร์เจีย 3-1 และชนะเช็ก 2-1 ด้านจอร์เจีย อันดับสามกลุ่ม เอฟ ก็สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการชนะโปรตุเกส 2-0 และผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์เป็นครั้งแรก

เดนมาร์ก เฉือนเข้ารอบ ยูโร 2024 แม้เสมอ เซอร์เบีย ที่ตกรอบ

ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2024 เกมในกลุ่ม ซี

ที่สนามมิวนิก ฟุตบอล อารีนา ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) พบกับ ทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia) ผลการแข่งขันเป็นการเสมอกัน 0-0 แม้ทีมชาติเดนมาร์กจะไม่สามารถทำประตูได้ แต่ก็สามารถรักษาตำแหน่งรองแชมป์กลุ่มและผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

สำหรับทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark)

เกมนี้พวกเขาจัดตัวผู้เล่นโดยส่ง อเล็กซานเดอร์ บาห์ (Alexander Bah), มอร์เตน ยูลแมนด์ (Morten Hjulmand), ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก (Pierre-Emile Højbjerg), โยอาคิม เมห์เล (Joakim Mæhle), คริสเตียน อีริกเซน (Christian Eriksen), โยนาส วินด์ (Jonas Wind) และ ราสมุส ฮอยลุนด์ (Rasmus Højlund) ลงสนาม เพียงขอแค่ไม่แพ้ก็จะผ่านเข้ารอบต่อไป ส่วนทางด้านทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia) ที่ต้องการชัยชนะเพียงสถานเดียว เปลี่ยนตัวผู้เล่นตัวจริง 3 ตำแหน่ง ส่ง เนมันยา กูเดลจ์ (Nemanja Gudelj), มิเซอร์ยาน มิไยโลวิช (Mihailo Ristić) และดร็อป ดูซาน วลาโฮวิช (Dušan Vlahović) เพื่อส่ง ลาซาร์ วูยาดิน ซามาร์ชิช (Lazar Samardžić) เล่นกับ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช (Aleksandar Mitrović) ในแนวรุก

เริ่มครึ่งแรก ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark)

ครองบอลเหนือกว่า มีโอกาสลุ้นทำประตูอยู่หลายครั้ง นาทีที่ 15 เมห์เล่ (Mæhle) เติมเกมริมเส้นครอสเข้าเขตโทษให้ บาห์ (Bah) สอดเข้ามาโหม่งแต่หลุดกรอบออกไป นาทีที่ 21 คริสเตียน อีริกเซน (Eriksen) สร้างจังหวะด้วยลูกยิงที่เฉี่ยวเสาประตูออกไปอย่างน่าหวาดเสียว ต่อมานาทีที่ 31 ราสมุส ฮอยลุนด์ (Højlund) กองหน้าวัย 21 ปี ได้ส่องจากหน้ากรอบเขตโทษแต่ เปรดรัก รายโควิช (Predrag Rajković) ผู้รักษาประตูของเซอร์เบีย (Serbia) ยังคงรับบอลไว้ได้ หมดครึ่งแรกยังไม่มีทีมใดสามารถทำประตูได้ จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0

เข้าสู่ครึ่งหลัง ทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia)

เปิดเกมรุกมากขึ้น แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดพอ ส่วนทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) เน้นครองบอลและรอจังหวะเข้าทำ นาทีที่ 55 ดูซาน ทาดิช (Dušan Tadić) ลงสนามมาสร้างโอกาสทันที โดยจ่ายทะลุช่องให้ โยวิช (Jović) หลุดเข้าเขตโทษก่อนที่ แอนเดอร์เซ่น (Andersen) จะตามมาบล็อกแต่กลายเป็นส่งลูกเข้าประตูตัวเอง ทว่ากรรมการยกธงล้ำหน้าไปก่อน เซอร์เบีย (Serbia) พลาดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย นาทีที่ 64 ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) ได้ลุ้นจากจังหวะเตะมุม โดย แยนนิก เวสเตอร์การ์ด (Vestergaard) โหม่งแต่ไปเข้ามือของ รายโควิช (Rajković)

ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกม ทั้งสองทีมพยายามเดินหน้าเพื่อทำประตู

แต่เกมรับของทั้งสองฝ่ายยังไม่พลาด เวลาที่เหลือไม่มีการทำประตูเกิดขึ้น จบเกม 90 นาที เสมอกันไป 0-0 ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) เก็บเพิ่มเป็น 3 คะแนนเท่ากับทีมชาติสโลวีเนีย (Slovenia) แต่ค่าเฉลี่ยคะแนนวินัยของเดนมาร์ก (Denmark) ดีกว่า ทำให้จบอันดับรองแชมป์กลุ่มซีและตีตั๋วผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ส่วนทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia) ต้องตกรอบไปในที่สุด

รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของแต่ละทีมมีดังนี้:

ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) (3-4-1-2): แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (Kasper Schmeichel) (กัปตันทีม) – โยอาคิม อันเดอร์เซ่น (Joachim Andersen), อันเดรียส คริสเตนเซ่น (Andreas Christensen), แยนนิก เวสเตอร์การ์ด (Jannik Vestergaard) – อเล็กซานเดอร์ บาห์ (Alexander Bah), ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก (Pierre-Emile Højbjerg), มอร์เท่น ฮูลมันด์ (Morten Hjulmand), โยอาคิม เมห์เล (Joakim Mæhle) – คริสเตียน อีริกเซน (Christian Eriksen) – ราสมุส ฮอยลุนด์ (Rasmus Højlund), โยนาส วินด์ (Jonas Wind)

ทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia) (3-4-2-1):

เปรดรัก ไรโควิช (Predrag Rajković) – มิลอช เวลีโควิช (Miloš Veljković), นิโกล่า มิเลนโควิช (Nikola Milenković), สตราฮินย่า พาฟโลวิช (Strahinja Pavlović) – อันดริย่า ซิฟโควิช (Andrija Živković), อีวาน อิลิช (Ivan Ilić), ซาช่า ลูคิช (Saša Lukić), ฟิลิป มลาเดโนวิช (Filip Mladenović) – ดูซาน ทาดิช (Dušan Tadić) (กัปตันทีม), เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช (Sergej Milinković-Savić) – อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช (Aleksandar Mitrović)

การแข่งขันในครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงความสำคัญของการเตรียมตัวและการปรับตัวในเกมที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สำหรับแฟน ๆ ของ เว็บแทงบอลสเต็ป (Step Betting Websites) และผู้ติดตามข่าวสารฟุตบอล (Football News Followers) มันทำให้เห็นว่าทุกเกมฟุตบอลมีความตื่นเต้นและความไม่แน่นอนที่ทำให้ฟุตบอล (Football) เป็นกีฬาที่มีเสน่ห์ตราตรึงใจแฟนบอลทั่วโลก

สำหรับผู้นิยม เว็บแทงบอลสเต็ป

การแข่งขันนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่ต้องการการวิเคราะห์และการวางเดิมพัน (Betting) อย่างละเอียด ความสำเร็จหรือล้มเหลวของทีมหรือผู้เล่นหนึ่งคนสามารถเปลี่ยนโอกาสในการชนะของการเดิมพันได้ การติดตามข่าวสาร (News) และสถิติอย่างใกล้ชิด จะทำให้ผู้ใช้บริการ เว็บแทงบอลสเต็ป (Step Betting Websites) สามารถทำการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ดร็อป แมกไกรว์ เหรียญสองด้านที่ต้องคิดให้ดี

ต้องบอกว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์ แทกเลยทีเดียวสำหรับ แฮร์รี่ แมกไกรว์ กองหลังกัปตันแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษด้วย ผลงานเกมทีมชาติล่าสุดก็มาโดนใบแดงจากเหลืองที่สองของเกม เป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมชาติอังกฤษแพ้ไปด้วย ความผิดพลาดที่ต่อเนื่องมาจากทั้งสโมสรและทีมชาติ ทำให้มีหลายเสียงเริ่มเชียร์ให้โซลชา ดร็อปเจ้าตัวจากการลงเล่นสักระยะเพื่อเรียกความมั่นใจ จะบอกว่าดร็อปทำได้ แต่ต้องคิดให้ดีเสียก่อน

ดร็อปเพื่อเรียกความมั่นใจ

แมกไกรว์ ถือว่าเป็นกองหลังที่ซื้อมาใช้งานคุ้มค่ามาก ในซีซั่นที่แล้วหากไม่เจ็บเจ้าตัวแทบจะได้ลงสนามทุกนัด จนถึงนัดสุดท้ายในยูโรป้าลีค เลยด้วยซ้ำ พักไปแป๊บเดียว เปิดซีซั่นใหม่มา เจ้าตัวก็ลงสนามต่อเนื่องอีก เกมทีมชาติก็ไปเล่นอีก นั่นทำให้เจ้าตัวอาจจะอยู่ในสภาพเหนื่อยล้า กรอบ และต้องการพักผ่อนให้ร่างกายสมบูรณ์ด้วย อีกด้านหนึ่งการลงสนามอย่างต่อเนื่องถ้าหากผลงานของทีมดีมันจะทำให้เค้ามั่นใจ แต่ว่าผลงานของทีมที่เค้าลงตอนนี้มันตรงกันข้ามทั้งทีมสโมสรและทีมชาติ นั่นทำให้เค้าเหมือนถูกลดความมั่นใจลงไปเรื่อยๆ การดร็อปเพื่อให้เค้าห่างจากเรื่องพวกนี้สักพักน่าจะทำให้สภาพจิตใจได้พักไปด้วย

ดร็อปแล้วผลงานแย่

ในทางกลับกัน การดร็อปเจ้าตัว มันก็สามาถคิดให้ได้เห็นอีกอย่างหนึ่งว่า ผลงานของแมกไกรว์ไม่ดีจริงจนต้องดร็อปเพื่อเป็นตัวสำรองนั่งดูเพื่อนเล่นไปก่อน หากคิดแบบนี้เจ้าตัวก็อาจจะยากหน่อยให้กลับมาปกติได้ อีกอย่างมองไปที่โปรแกรมการแข่งขันของทีมที่จะต้องเจอศึกหนักทั้งเกมลีค และ เกมยุโรป ดูยังไงก็มีเค้าไว้แม้จะเป็นตอนที่ไม่ฟิต ไม่มั่นใจ ย่อมดีกว่าการได้เห็น ไบญี่ คู่กับ ลินเดอเลิฟอย่างแน่นอน เราเชื่อว่า ยังไงโซลชาร์ ก็ไม่ดร็อป แต่จะดึงสติกลับมาได้แค่ไหนอันนี้ต้องมาดูฝีมือของเค้ากัน

จุดบอดที่ปิดไม่มิดของ ปารีส

 

เป็นอีกหนึ่งเกมที่เราได้เห็นความยอดเยี่ยมของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเป๊ป กวาดิโอลาร์ กุนซือของพวกเค้าที่แสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าแบบชัดเจนต่อเหล่ายอดมนุษย์จากปารีส อย่างไรก็ตาม เกมนี้ ปารีส เองก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานอีกด้วย เกมนี้ทำให้เราเห็นจุดบอดที่ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ปิดไม่มิดของปารีสด้วยเช่นกัน

บอลชายเดี่ยว

การเล่นฟุตบอลของปารีส ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ตั้งแต่ยุคทูเคิ่ล จนมาถึงยุคของ พอช เรามักจะเห็นความเป็น บอลชายเดี่ยว ของนักเตะปารีส เสมอ เกมนี้เองก็เช่นกัน พอเจอระบบเข้าไป บอกเลยว่า ปารีสเองสู้ไม่ได้ พวกเค้ามักจะติดเล่นบอลแบบข้ามาคนเดียวเสมอ เจาะจงลงไปเป็นเนย์มาร์ เกมนี้ก็แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า เค้ายังไม่ดีพอสำหรับการจะขึ้นมาเป็นเบอร์ต้นๆของโลกลูกหนังอย่างที่คิดเอาไว้ การโชว์โดยไม่จำเป็นทำให้ทีมแทนที่จะได้เปรียบ กลับเสียเปรียบกว่าเดิม

บอลติดดาบ

อีกหนึ่งสไตล์การเล่นที่เรารู้สึกไม่ชอบเลยเวลาดู ปารีส เล่นฟุตบอบ ก็คือการเล่นสไตล์ติดดาบ เข้าแรง มีลูกแถม ลูกตอด ตลอดเวลา การเล่นแบบนี้ ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ในสนามดีขึ้นเลย แถมกลับแย่ลงอีกด้วยซ้ำไป คราวนี้ก็เป็น เคสของ อังเคล ดิมาเรีย ที่โดนใบแดงออกไป หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าจังหวะดังกล่าวจงใจหรือไม่ แต่เราบอกได้เลยว่าจงใจแน่นอน การเหลือบมองไปก่อนจากนั้นค่อยออกแอ็คชั่น มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าจงใจ บวกกับในสนามที่เสียบติดดาบตลอด แสดงถึงอาการหัวร้อน ควบคุมตัวเองไม่ได้ นั่นทำให้อีกฝ่ายปั่นหัวได้ง่ายมากขึ้น อย่าลืมว่านี่คือฟุตบอลระดับสโมสรที่สูงที่สุดในโลก เรื่องแค่นี้เค้ามองขาด รับมือได้แน่นอน

ไม่มีเป้คือจบ

เกมนี้ คนที่แฟนบอลคิดถึงมากที่สุดก็คือ คิริยัน เอ็มปัปเป้ เด็กระเบิดที่เคยสร้างความประทับใจมาแล้วในเกมแรก แต่พอเกมนี้ไม่ได้ลง กลายเป็น มาร์โก้ แวร์รัตติ ลงแทน ทุกอย่างคือจบเลย เพราะการขาดเป้ มันทำให้ ปารีส เป๋ไปอย่างเห็นได้ชัด แม้จะมีเนย์มาร์ในสนามก็ตามที ถือว่าเป็นจุดบอดที่ต้องกลับไปแก้ไขกันต่อไป

 

ขอเชียร์ ลิเวอร์พูล ให้ซื้อนักเตะคนนี้ ซัมเมอร์นี้

ขอเชียร์ ลิเวอร์พูล ให้ซื้อนักเตะคนนี้ ซัมเมอร์นี้

อาจจะมองว่าเร็วเกินไปสำหรับการเตรียมตัวเสริมทัพในซีซั่นหน้า แต่ก็ต้องยอมรับว่าซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล ดีไม่พอสำหรับการแข่งขันลีค เลยไม่แปลกที่ตอนนี้เริ่มจะมีข่าวเสริมทัพนักเตะออกมาบ้างแล้ว อย่างล่าสุด มีข่าวออกมาว่า โฟลเรียน นอยเฮาส์ นักเตะกองกลางของ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค กำลังเป็นที่สนใจของทีม เราบอกเลยว่าคนนี้ต้องเอามาให้ได้

เพิ่มมิติในแดนกลาง

เกมการบุกของลิเวอร์พูล ในยุคของเจอร์เก็น คล็อปป์ ตัวหลักในเการทำเกม จะเป็นแบ็คทั้งสองข้างที่ดอดขึ้นมาเปิดบอลจากด้านข้าง เข้าไปพื้นที่สุดท้าย แม้ว่าการเปลี่ยนแนวมาเป็น เจาะตรงกลางด้วยการ ธิอาโก้ มันจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่ก็ไม่ตอบโจทย์เท่าไร การนำเข้า โฟลเรียน น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพราะนักเตะคนนี้จะเป็นนักเตะริมเส้นที่เปิดเข้ากลางได้ดี น่าจะทำให้ตัวเลือกการเปิดครอสจากด้านข้างของลิเวอร์พูลหลากหลายมากขึ้น

ตัวแทน ไวจน์นัลดุม

แม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวจะไม่ได้ออกมาบอกปฏิเสธอย่างเป็นเรื่อง เป็นราว แต่ว่า ไวจน์นัลดุม กองกลางไดนาโมคนทีม น่าจะลาทีมไปหลังจบหน้าร้อนนี้อย่างแน่นอน มันจึงเป็นเรื่องปกติมากที่จะต้องหาตัวแทนมาเสริมทีม แล้ว โฟลเรียน ก็เข้าสเปค พอดี แม้จะแทนที่ไม่ได้ทั้งหมด แต่การมีสำรองเผื่อไว้ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แถมนักเตะอายุ 23 ปีด้วย คงใช้งานได้อีกยาวๆ

นักเตะมีใจ

ทีนี้สิ่งที่สำคัญสุดของดีลนี้ก็คือ ตัวนักเตะเอง โฟลเรียน นอยเฮาส์ เป็นนักเตะชาวเยอรมัน คนบ้านเดียวกันกับ คล็อปป์ ไม่เท่านั้น นักเตะคนนี้ยังออกมาบอกเองเลยว่า มีใจให้กับลิเวอร์พูล ชื่นชอบผลงาน คล็อปป์ ถ้านักเตะมีใจให้แบบนี้บอกเลยว่า มันทำให้การซื้อขายไม่ยากมากนัก ไหนจะเรื่องค่าตัวที่อาจจะไม่ได้จ่ายมากเพื่อโน้มน้าวเพราะว่านักเตะอยากมาอยู่แล้วเป็นทุนเดิม สรุปว่า ดีลนี้ ลิเวอร์พูลต้องเซ็นมาให้ได้ ราคาไม่แพง ใช้ได้นาน คุ้มแน่นอน

กรีนวู้ด แตกต่างจาก แรชฟอร์ดตรงไหน

กรีนวู้ด แตกต่างจาก แรชฟอร์ดตรงไหน

เกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาชนะสเปอร์สได้ ร์สไดเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาชนะ3-1 เราเชื่อว่าคนหนึ่งที่มีผลอย่างมากในการแก้เกมของโซลชาก็คือ เมสัน กรีนวู้ด หรือน้องไม้เขียวของเรานั่นเอง กรีนวู้ด ได้ลงสนามแทนที่มาร์คัส แรชฟอร์ด ในตำแหน่งปีก การมาของเค้าต้องยอมรับว่าสร้างความแตกต่างในเกมที่น่าอึดอัดได้เป็นอย่างดี กรีนวู้ด แตกต่างจาก แรชฟอร์ดตรงไหน

 เปิดบอลเร็ว

ประตูขึ้นนำ 2-1 เป็นการเปิดบอลของ เมสัน กรีนวู้ด ที่เปิดบอลเร็วเข้าไปจากนั้น คาวานี่ ก็พุ่งโหม่งแบบตอปิโดบกเข้าไปเลย ซึ่งการเล่นแบบนี้ไม่มีหากเป็นแรชฟอร์ดยังอยู่ เราเดาได้เลยว่าถ้าเป็นแรช เค้าจะยึกยักแล้วเลี้ยงจนเส้นหลังแล้วเปิดเข้ามา สุดท้าย คาวานี่ โหม่งไม่ได้ เพราะกองหลังสเปอร์สอย่างไดเออร์ น่าจะเข้าประกบแล้ว แต่พอเป็นกรีนวู้ด น้องกล้าที่จะเปิดบอลเร็วแบบได้เสีย ซึ่งบอลเร็วแบบนี้กองหน้าแบบคาวานี่ชอบเลย เนื่องจากเป็นจังหวะเผลอของกองหลังที่อาจจะวิ่งเข้ามาประกบไม่ทันทำให้เค้าสามารถวิ่งฉีกไปโหม่งได้แบบที่เห็นกันนั่นแหละ

 ฟิตกว่า

มาร์คัส แรชฟอร์ด กลายเป็นนักเตะคนสำคัญของแมนยูไปแล้ว สังเกตได้จากหากไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่แบน ยังไง แรช ก็ได้เป็นตัวเลือกแรกของโซลชาในการลงสนาม ซึ่งการได้ลงสนามทุกเกมมันดีจริง แต่มันทำให้นักเตะล้าอย่างเห็นได้ชัด เกมนี้ก็เช่นกัน แรชฟอร์ด เหมือนเครื่องยนต์ที่สตาร์ทแล้วไม่ติดเป็นบางครั้ง นั่นทำให้การลงมาของกรีนวู้ด ดูจะฟิตกว่า การออกตัววิ่ง และความกระหายในชัยชนะ ความกระหายในการเล่นมีมากกว่าเยอะเลย ตรงจุดนี้สร้างความแตกต่างได้อย่างที่เห็นน้องเค้าทำได้ในประตูที่สาม

เล่นตามช่องคาวานี่

แรชฟอร์ด แม้ว่าจะเล่นดี แต่หลายครั้งเราเห็นเล่นไม่ค่อยสอดคล้องกับคาวานี่ เท่าไร เหมือนภาษาบอลเค้าว่าไปคนละช่องนั่นแหละ แต่กับ กรีนวู้ด ดูนักเตะจะเล่นตามช่องประสานกับ คาวานี่ได้ดีกว่า บางทีเหมือนคาวานี่บอกช่องแล้วน้องทำตาม มันก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเอาอยู่ยากเหมือนกัน

มาร์คซิยาล ซีซั่นที่ต้องพัฒนาตัวเองโดยด่วน

มาร์คซิยาล ซีซั่นที่ต้องพัฒนาตัวเองโดยด่วน

แมนยูเคยเป็นทีมที่มีกองหน้าแบบคมๆอย่างไม่ขาดแคลน แต่มาช่วงหลังต้องบอกว่ากองหน้าที่มีอยู่ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่ไว้ใจได้สักเท่าไร แต่การมาของ คาวานี่ มันเหมือนกับปลุกวิญญาณกองหน้าของแมนยู ให้กลับมาน่ากลัวอีกครั้งหนึ่ง การที่ฟอร์มของ คาวานี่ โดดเด่นขึ้นมา นั่นทำให้อีกคนหนึ่งต้องหงอยลงไป เค้าคนนั้นก็คือ อองโตนี่ มาร์ซิยาล ซีซั่นนี้ฟอร์มตกลงไปเยอะจนเราต้องบอกว่าพัฒนารีดฟอร์มด่วน

การย้ายไปเล่นปีก

ซีซั่นนี้ ต้องยอมรับว่า แฟนผีรู้สึกอุ่นใจกว่า เมื่อคาวานี่ได้ลงสนามในฐานะหน้าเป้า แทนที่ มาร์คซิยาล ที่ซีซั่นนี้เค้าถูกโยกไปเล่นปีกมากกว่าเดิม เรามองว่าที่โดนไปแบบนั้นเพราะว่า เค้าไม่เหมาะกับการเล่นศูนย์หน้าตัวเดียวที่ยืนชนกับกองหลังแล้วพลิกเล่น เค้าเหมาะกับการเล่นเป็นศูนย์หน้าแบบลากเลี้ยงเข้าหาคู่ต่อสู้ ต้องมีพื้นที่ให้วิ่งเพื่อสร้างความเร็ว คล่องตัว ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นมันมีคนจองอยู่แล้ว

รีบพัฒนาก่อนทีมจะซื้อ

จากด้านบนเรามองว่า เค้าต้องรีบพัฒนาตัวเองในการเล่นปีกก่อนที่ทีมจะซื้อใครเข้ามา ซีซั่นนี้เค้าจะได้รับบทบาทเป็นเล่นเป็นปีกซ้ายในเวลาที่ แรชฟอร์ด ต้องขึ้นไปเล่นหน้าเป้า หรือ อาจจะได้เล่นปีกขวา ซึ่งตอนเล่นปีกซ้ายทำได้ดี แต่ว่าปีกขวา ทำได้ไม่ดีเลย ตรงนี้น่าห่วง เพราะถ้าหากทีมซื้อตัวทำเกมริมเส้นฝั่งขวาเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น แจ็ค กรีลิช หรือ เจดอน ซานโช่ เค้าจะมีโอกาสลงสนามน้อยลงมา สองคนนั้นน่าจะทำอะไรได้ดีกว่า

หาทางย้ายเพื่อลงสนาม

หากมาร์คซิยาล ไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้ในซีซั่นนี้ พูดกันตามตรงว่าทีมน่าจะซื้อคนอื่นมาเล่นแทน แล้วขายเค้าออกไป หรือมองอีกมุมหนึ่ง เค้าอาจจะต้องหาทางย้ายออกไปเพื่อสร้างโอกาสในการลงสนามให้กับตัวเองมากขึ้น ตอนนี้ก็ผ่านไปครึ่งซีซั่นแล้ว แฟนผีที่ชื่นชอบหนูมาร์ค ก็อาจจะต้องให้กำลังใจกันหนักหน่อย

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะแต่มีจุดต้องปรับแก้

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะแต่มีจุดต้องปรับแก้

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถิติที่สุดยอดจริงๆของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับการชนะเวสต์แฮม เกมล่าสุดที่ผ่านมา ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยนะสำหรับการเล่นเกมนั้น เพราะว่าเวสต์แฮมเองก็มาดีเช่นกันการชนะ 2-1 เป็นการการันตีความยอดเยี่ยมของเวสต์แฮมด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การชนะนัดนี้ทำให้พวกเค้าทำสถิติชนะรวด 20 รายการเป็นสถิติที่ยากจะมีใครโค่นล้มได้ แต่ว่าในการชนะแบบหนืดๆนั้น มีประเด็นต้องปรับแก้เหมือนกัน

ระบบไร้กองหน้า สะท้อนกลับ

ก่อนหน้านี้เราอาจจะกังวลว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ไม่มีกองหน้า ทั้งกุน และ เฆซุส จะเป็นอย่างไร ปรากฏว่าไม่เป็นปัญหาเลย เพราะว่าเค้าปรับมาใช้ระบบไร้กองหน้า มันก็ได้ผลดี แต่ว่าตอนนี้พอกองหน้ากลับมาแล้ว นั่นทำให้การเล่นดูติดๆขัดๆไปหมด เหมือนนักเตะจะชินกับระบบไร้กองหน้าไปแล้ว พอกองหน้าลงมาเหมือนเป็นตัวแถม เล่นแบบไร้ตัวตนมาก อันนี้ต้องดูว่าเป๊ป จะแก้นิสัยติดระบบไปแล้วอย่างไร จะเล่นแบบไร้กองหน้าเหมือนเดิม หรือ ปรับไปเล่นกองหน้า

นักเตะดูเหนื่อย ดูเนือย

เกมนี้นักเตะของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้ส่งตัวเร็วๆ ตัวจิ๊ดๆลงมา นั่นทำให้เกมของพวกเค้าดูเหนื่อย และดูเนือยลงไปพอสมควร อันนี้ก็เข้าใจได้ เพราะว่าพวกเค้าลงเตะติดต่อกันถี่มาก จนนักเตะหลายคนล้าให้เห็น แต่บางคนก็ต้องเข็นลงไปเพื่อรักษาสมดุลเกม ปรากฏว่าสปีดเกม สปีดบอลของพวกเค้าดูช้าลงไปหลายจังหวะเหมือนกัน คงต้องรีบูทกันใหมอีกรอบ

การปิดเกมทำไม่ได้

โดยทุกที แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซีซั่นนี้ไม่ได้เป็นทีมที่ยิงเยอะ แต่ยิงเพื่อชนะแล้วปิดเกมทันที เกมนี้กับเวสต์แฮม เค้ากลับทำแบบนั้นไม่ได้ การครองบอลเพื่อปิดเกมทำได้น้อยมาก ยิ่งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ กลายเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ปล่อยให้เวสต์แฮม ทำเกมบุกเข้าใส่ ดีว่าลูกตั้งเตะสุดท้ายของเวสต์แฮมไม่เข้ากรอบ หากคนที่โหม่งลูกนั้นเป็น ซูเช็ค หรือ อันโตนิโอ นี่บอกเลยว่า โอกาสเข้ามีสูงมาก เกมต่อไปคงต้องรัดกุมมากกว่านี้

อะไรเป็นปัญหาของเชลซี ในเกมล่าสุด

อะไรเป็นปัญหาของเชลซี ในเกมล่าสุด

จะว่าเป็นเรื่องแปลกก็ได้ จะว่าบังเอิญก็ใช่ ไม่ว่าทำไมตั้งแต่เชลซีเปลี่ยนสปอนเซอร์บนหน้าอกเป็นเลข 3 ดูเหมือนทีมจะถูกโฉลกกับเลขตัวนี้ตลอด หากชนะ 3-0 มันก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ปัญหาก็คือพวกเค้าเสมอ 3-3 อีกแล้วนี่สิ อย่างล่าสุดพวกเค้ามาเจอสกอร์นี้อีกครั้งกับเกมเจอนักบุญเซาท์แธมป์ตัน หลังจบเกมนี้มีอะไรเป็นปัญหาที่เชลซีต้องแก้ไขบ้าง

เกมรุกลื่นไหล แต่ไม่หลอมรวม

เกมรุกในเกมนี้ของพวกเค้าต้องบอกว่า คมจัดมาก ติโม แวร์เนอร์ วันนี้เหมือนมงลง แอสซิสต์ 1 และ ยิงอีก 2 ประตู รวมถึง ไค ฮาร์แวตช์ กองกลางคนบ้านเดียวกันจัดไป 1 ประตู ฟอร์มของพวกเค้าดูร้อนแรงมากแต่ว่ากลับดูไม่หลอมรวมกันเท่าไร ในช่วงที่นำ 2-1 เหมือน แวร์เนอร์ จะเล่นฝืนไปในหลายจังหวะ เพื่อจะทำแฮตทริคให้ได้ ทำให้เกมรุกเสียของไปหลายครั้ง จนโดนตีเสมอ 2-2 นั่นแหละ ถึงจะกลับมาเล่นเป็นทีม ส่งบอลชิ่งกันไปมา เจาะทะลุช่องแป๊บเดียวได้ประตูที่ 3 มันคงจะดีถ้าหากทั้งหมดเล่นแบบนี้ตลอดทั้งเกม คงต้องติวกันให้ดี

เกมรับ รั่วทุกเกม

ตั้งแต่เปิดซีซั่นมา นับเฉพาะในลีคเกมที่ชนะคริสตัล พาเลซ 4-0 เป็นเกมเดียวที่เก็บคลีนชีตมาได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเกมรับของเค้ามีปัญหามาก คำว่า “ความผิดพลาดส่วนบุคคล” เกิดขึ้นแทบจะทุกเกมเลย เกมรับคริสตัล พาเลซ ก็มีแต่ไม่ทำให้เสียประตู เกมนี้เองก็เช่นกัน ความผิดพลาดของ เคิร์ท ซูม่า ที่คืนหลังพลาด บวกกับ เกป้า ก็เล่นพลาดอีก ทำให้เสียประตู 2-2 หรือจะย้อนไปลูกแรก ไค ฮาร์แวตช์ พลาดเสียบอล แล้วกองหลังเหมือนเหม่อ ไม่วิ่งเข้าประกบ แดนนี่ อิงส์ กองหน้าเซาท์ ทำให้เค้าหลุดไปยิงได้ง่ายๆ หากหวังจะไปไกล คงต้องขันน็อตเกมรับให้ดีกว่านี้

แทคติคส์ ปิดเกม

จริงๆอันนี้ถือว่าน่าแปลกใจ เชลซี ออกนำ 3-2 ตั้งแต่นาทีที่ 59 จริงอยู่ว่า พวกเค้าพยายามที่จะบุกเพื่อทำประตูเพิ่มให้ได้ จะได้ปิดเกมให้จบ แต่ว่าพอใกล้ท้ายเกม พวกเค้ากลับไม่มีวิธีการครองบอลเพื่อปิดเกมให้ได้เลย อันนี้ แฟรงค์ น่าจะทำได้ดีกว่านี้ ต้องเน้นผลการแข่งขันด้วย ไม่งั้นคงเกิดปัญหาแบบนี้อีกในเกมต่อๆไป

สรุปผลงานรายการยูโร 2020 ทัพ กระทิง(ไม่)ดุ สเปน

สรุปผลงานรายการยูโร 2020 ทัพ กระทิง(ไม่)ดุ สเปน

สำหรับทัพกระทิงดุ สเปน ตอนนี้พวกเค้าน่าจะอยู่ในช่วงการพัฒนาตัวเองให้กลับไปสู่ยุคทองอีกครั้ง นักเตะชุดนี้เป็นทีมที่ถ่ายเลือดใหม่มาตั้งแต่ครั้งจบฟุตบอลโลกคราวที่แล้ว เรื่องประสบการณ์อาจจะน้อย หรือ ตัวเลือกนักเตะอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตากันเท่าไร เรามาดูกันว่า ทัพกระทิง(ไม่)ดุ สเปนคราวนี้มีผลงานอย่างไรกันบ้าง

ผลการแข่งขัน

สเปนเดินทางเข้าสู่ยูโร 2020 ด้วยการเริ่มต้นรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี เพื่อนร่วมกลุ่มของเค้าก็คือ สวีเดน, สโลวัคเกีย และ โปแลนด์ ว่ากันตามตรง สเปน ไม่น่าจะยากเท่าไรในการเล่นรอบแบ่งกลุ่ม แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเค้าเจอปัญหาปืนฝืดกองหน้าแทบไม่ยิงทำให้พวกเค้าเกือบไม่ผ่านเข้ารอบ ดีว่าเกมสุดท้ายพวกเค้ากลับมายิงเยอะเลยเบียดเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่มไป มารอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเค้าเจอกับ โครเอเชีย ก็ดูว่าสเปน น่าจะเหนือกว่านิดๆแต่จังหวะฟุตบอลมันก็แบบนี้ พวกเค้าออกนำ 3-1 ช่วงนาทีที่ 77 แต่สิบนาทีสุดท้าย โครแอตไล่มาทัน 3-3 ต้องไปลุยต่อในช่วงต่อเวลายังดีที่ยิงได้เพิ่มอีก ปิดเกมชนะไปได้ หลุดมาเจอกับอิตาลี ที่เจอปัญหาเดิมอีก ยิงเค้าไม่ได้ สุดท้ายเสมอกันไป 1-1 คราวนี้ต้องไปจนถึงจุดโทษกลายเป็นอิตาลีที่นิ่งกว่า ส่งกระทิงกลับบ้านไป

นักเตะฟอร์มดี

คนแรกที่เราว่าฟอร์มดีมาก เป็น เอเมอริค ลาปอร์ต จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เค้ากลายเป็นกำแพงเหล็กคนใหม่ของสเปน เหลือแต่หาคนมาคู่ น่าจะทำให้ กองหลังสเปน แข็งแกร่งขึ้น คนที่สองเรายกให้กับ อูไน ซิมม่อน ผู้รักษาประตูที่เบียดขึ้นมายึดมือหนึ่งได้ หากไม่นับช็อตที่เล่นพลาดจนเสียประตูในเกมกับโครเอเชียที่เหลือก็ไม่ได้แย่เลย การเซฟจุดโทษก็ดีด้วย สถิติตลอดทั้งทัวร์ เล่นไป 6 เกม เซฟไป 9 ครั้ง คนอื่นอาจจะต้องเร่งฟอร์มหากหวังจะเบียดตำแหน่ง

อนาคต

ทัพกระทิงคราวนี้ หากจะมองน่าจะเป็นช่วงพัฒนาการ ยังไม่โตเต็มวัยเท่าไร เกมรุกก็ฝืด เกมรับก็ไม่นิ่ง ปิดเกมไม่ได้ตามต้องการ แต่แนวทางมาดีแล้ว ต้องดูว่าจะยกระดับก้าวข้ามตรงนี้ไปได้หรือไม่ ไม่งั้นฟุตบอลโลกคราวหน้าพวกเค้าอาจจะเป็นเพียงแค่ทีมรองบ่อนเท่านั้นเอง