Tag Archives: เป๊ป กวาร์ดิโอลา

ยิ่งใกล้วันจากลา ยิ่งเปล่งประกาย สำหรับ เควิน เดอ บรอยน์ หลังมีส่วนสำคัญ ในเกม คัมแบ็ค มีชัย เหนือ พาเลซ

เควิน เดอ บรอยน์ (Kevin De Bruyne) เหลือเวลาอีกเพียงสามเกมที่จะได้ลงเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ที่สนาม เอทิฮัด สเตเดียม (Etihad Stadium) หากได้รับการคัดเลือกให้ลงสนาม นั่นหมายความว่าแฟนบอลของ ซิตี้ (City) จะมีโอกาสอีกเพียงสามครั้งที่จะได้ปรบมือให้เขายืนขึ้น เช่นเดียวกับที่พวกเขาทำเมื่อเขาถูกเปลี่ยนตัวออกโดย เจเรมี่ โดกู (Jeremy Doku) สามนาทีก่อนจบเกมในชัยชนะ 5-2 เหนือ คริสตัล พาเลซ (Crystal Palace) อีกสามโอกาสสำหรับ เดอ บรอยน์ (De Bruyne) ที่จะได้แสดงความขอบคุณต่อแฟนๆ เหล่านั้นและโบกมือจากสนามไปยังลูกๆ ของเขา ซึ่งได้ชมการแสดงฝีเท้าขั้นเทพของเขาในแบบฉบับเดิม หนึ่งทศวรรษแห่งการรับใช้สโมสรกำลังจะสิ้นสุดลง ทั้งคำพูดและการกระทำ เดอ บรอยน์ (De Bruyne) มุ่งมั่นที่จะไม่ให้ช่วงเวลาของเขาที่ ซิตี้ (City) จบลงอย่างไม่สมศักดิ์ศรี “ผมอยากจะจากไปพร้อมกับการได้โควตา แชมเปียนส์ ลีก (Champions League) สำหรับทีมนี้เพราะพวกเขาสมควรได้รับมัน”

 

เท้าคู่นี้บอกทุกอย่าง เควิน เดอ บรอยน์และมรดกอันยิ่งใหญ่ที่เขาทิ้งไว้ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

เควิน เดอ บรอยน์ (Kevin De Bruyne) ไม่ใช่คนที่ชอบตะโกนหรือกรีดร้อง เขาไม่ได้อยู่ในแบบฉบับของกัปตันทีมอย่าง รอย คีน (Roy Keane) หรือ ปาทริค วิเอร่า (Patrick Vieira) ที่นำทีมด้วยการเรียกร้องอย่างเข้มข้นควบคู่ไปกับการทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม เขาไม่ได้เป็นนักกีฬาในแบบที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด (Steven Gerrard) เคยเป็น แต่เขาสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ จากความว่างเปล่าด้วยการผสมผสานระหว่างการรับรู้และการลงมือทำ เขาเป็นนักเตะที่มองเห็นโอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็น

จากนั้นเขาก็สามารถส่งมอบได้อย่างแม่นยำ สิ่งนี้ยกระดับเขาไปสู่ระดับของเกมที่แทบจะแยกออกจากผู้เล่นทุกคน นี่คือเหตุผลที่ว่า แม้การถกเถียงจะไร้ประโยชน์และไม่มี ‘ผู้ชนะ’ แต่เขาก็ต้องอยู่ในการสนทนาเกี่ยวกับนักเตะที่ดีที่สุดในยุค พรีเมียร์ลีก (Premier League) ซึ่งตอนนี้เข้าสู่ทศวรรษที่สี่แล้ว สโบเบ็ตออนไลน์ และนี่คือเหตุผลที่ว่า เมื่อถูกถามว่า เจมส์ แมคอาที (James McAtee) ซึ่งทำประตูได้ในการเริ่มต้นเกม พรีเมียร์ลีก (Premier League) ครั้งแรก อาจจะเติมเต็มรองเท้าของ เดอ บรอยน์ (De Bruyne) ในฤดูกาลหน้าหรือไม่ คำตอบของ กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) จึงเต็มไปด้วยความสงสัย สโบเบ็ตออนไลน์ “ไม่มีใครทำได้อย่างที่ เควิน (Kevin) ทำ” ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) กล่าว “เควิน (Kevin) มีพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนใคร มีวิสัยทัศน์ในการส่งบอล เมื่อนักเตะอยู่ด้านหน้าและ เควิน (Kevin) มีบอล พวกเขารู้ว่าพวกเขาสามารถวิ่งได้เพราะบอลจะถูกส่งไปถึง” “เขาไม่ใช่ผู้นำที่ใช้คำพูด แต่ในเก้าปี เขาอยู่ที่นั่นทุกๆ สามวัน” มาดูกันว่าผมจะจบลงที่ไหนต่อไป’ ในไม่ช้า เขาจะไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไป อนาคตของ เดอ บรอยน์ (De Bruyne) ยังเป็นที่ไม่ทราบแน่ชัด มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับ เมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ (Major League Soccer หรือ MLS) และล่าสุดคือ อินเตอร์ ไมอามี (Inter Miami) แม้ว่าในบางแง่มุม แนวคิดเกี่ยวกับ เดอ บรอยน์ (De Bruyne) ในทีมเดียวกับ ลิโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi) ดูเหมือนจะเป็นการสูญเปล่า เดอ บรอยน์ (De Bruyne) ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเล่นเป็นรองใคร แม้แต่หนึ่งในผู้เล่นไม่กี่คนที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาล เขาจะหาข้อสรุปด้วยวิธีที่เงียบสงบของเขาเอง เดอ บรอยน์ (De Bruyne) แน่นอนว่ายังคิดว่าเขายังมีอะไรจะเสนอ “เป็นปีที่ยากลำบาก แต่ผมไม่มีอาการเจ็บปวดในช่วงหกสัปดาห์ที่ผ่านมาและนั่นทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมาก” เขาบอกกับ ทีเอ็นที สปอร์ตส์ (TNT Sports) “ผมไม่รู้ว่าผมจะรู้สึกอย่างไร [ในเกมสุดท้ายของผม] – ผมอยู่ที่นี่มานานมาก ลูกๆ ของผมเกิดที่ แมนเชสเตอร์ (Manchester) และใช้ชีวิตทั้งหมดที่นี่ มันจะแตกต่างสำหรับพวกเขา ผมคิดว่าพวกเขากลัวเล็กน้อย” “แต่ถ้าผมสามารถเล่นฟุตบอลและครอบครัวของผมมีความสุข ผมก็ดี ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ผมต้องการเล่นต่อ ดังนั้นเรามาดูกันว่าผมจะจบลงที่ไหน”

 

เควิน เดอ บรอยน์  จักรวาลแห่งพรสวรรค์บนสนามหญ้า

 

ในโลกของฟุตบอลที่เต็มไปด้วยดาวเด่นมากมาย มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถครองตำแหน่งอันทรงเกียรติเหนือกาลเวลาได้ เควิน เดอ บรอยน์ (Kevin De Bruyne) คือหนึ่งในนั้น กองกลางชาว เบลเยียม (Belgium) ผู้นี้ได้สร้างมรดกอันยิ่งใหญ่ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ตลอดระยะเวลาเก้าปีที่ผ่านมา ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและความสามารถในการส่งบอลที่แม่นยำราวกับมีเรดาร์ในสมอง ความยิ่งใหญ่ของ เดอ บรอยน์ (De Bruyne) ไม่ได้อยู่ที่การแสดงออกทางอารมณ์หรือการตะโกนสั่งการบนสนาม แต่อยู่ที่การแสดงออกผ่านฝีเท้าอันยอดเยี่ยมของเขา ไม่เหมือนกับบรรดากัปตันในอดีตอย่าง รอย คีน (Roy Keane) หรือ ปาทริค วิเอร่า (Patrick Vieira) ที่นำทีมด้วยพลังและความดุดัน เดอ บรอยน์ (De Bruyne) นำด้วยการแสดงให้เห็นมากกว่าการพูด ทุกๆ การเคลื่อนไหว ทุกๆ การส่งบอล ล้วนเป็นบทเรียนสำหรับเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลที่ได้ชม เป็แเวลาเก้าปีที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ได้รับประโยชน์จากพรสวรรค์อันเหนือธรรมดาของเขา เขาไม่ได้เป็นนักกีฬาที่มีร่างกายกำยำบึกบึนอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด (Steven Gerrard) แต่สิ่งที่เขามีคือสมองอันชาญฉลาดที่มองเห็นช่องว่างและโอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็น และเท้าที่สามารถส่งบอลได้อย่างแม่นยำไม่ว่าจะอยู่ในระยะใดหรือมุมใด เมื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola) ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ถูกถามว่า เจมส์ แมคอาที (James McAtee) ดาวรุ่งที่ทำประตูได้ในการเริ่มต้นเกม พรีเมียร์ลีก (Premier League) ครั้งแรก จะสามารถทดแทน เดอ บรอยน์ (De Bruyne) ได้หรือไม่ในฤดูกาลหน้า คำตอบของเขานั้นชัดเจนและเต็มไปด้วยความเคารพต่อกองกลางชาว เบลเยียม (Belgium) “ไม่มีใครทำได้อย่างที่ เควิน (Kevin) ทำ” กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น “เควิน (Kevin) มีพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนใคร มีวิสัยทัศน์ในการส่งบอล เมื่อนักเตะอยู่ด้านหน้าและ เควิน (Kevin) มีบอล พวกเขารู้ว่าพวกเขาสามารถวิ่งได้เพราะบอลจะถูกส่งไปถึง” เหล่านี้ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริง แต่เป็นการยอมรับในความจริงที่ว่า เดอ บรอยน์ (De Bruyne) คือผู้เล่นที่พิเศษอย่างแท้จริง หากจะพูดถึงนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก (Premier League) ซึ่งตอนนี้ก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่สี่แล้ว ชื่อของ เควิน เดอ บรอยน์ (Kevin De Bruyne) จะต้องถูกกล่าวถึงอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้นำที่ใช้คำพูด แต่การปรากฏตัวของเขาในทุกๆ สามวันตลอดเก้าปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและความมุ่งมั่นที่เขามีต่อสโมสร นี่คือภาวะผู้นำในรูปแบบที่เงียบสงบแต่ทรงพลัง เมื่อฤดูกาลนี้สิ้นสุดลง เควิน เดอ บรอยน์ (Kevin De Bruyne) จะจากไป ทิ้งให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) และแฟนบอลต้องหาทางปรับตัวกับชีวิตที่ไม่มีเขา อนาคตของเขายังคงเป็นที่คาดเดาไม่ได้ มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการย้ายไปเล่นใน เมเจอร์ ลีก ซอคเกอร์ (Major League Soccer หรือ MLS) และล่าสุดคือ อินเตอร์ ไมอามี (Inter Miami) สโมสรที่มี ลิโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi) หนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลร่วมทีมอยู่ อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่าการที่ เดอ บรอยน์ (De Bruyne) จะไปเล่นในทีมเดียวกับ เมสซี่ (Messi)อาจเป็นการสูญเปล่า เพราะนักเตะระดับเขาไม่ควรอยู่ในฐานะตัวประกอบให้กับใคร แม้แต่กับ เมสซี่ (Messi) เอง ในขณะที่โลกของฟุตบอลเฝ้ารอดูการตัดสินใจครั้งสำคัญของเขา เดอ บรอยน์ (De Bruyne) เองก็ดูเหมือนจะยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจคือเขายังต้องการเล่นฟุตบอลต่อไป “เป็นปีที่ยากลำบาก แต่ผมไม่มีอาการเจ็บปวดในช่วงหกสัปดาห์ที่ผ่านมาและนั่นทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมาก” เขากล่าวกับ ทีเอ็นที สปอร์ตส์ (TNT Sports) “ผมไม่รู้ว่าผมจะรู้สึกอย่างไรในเกมสุดท้ายของผม – ผมอยู่ที่นี่มานานมาก ลูกๆ ของผมเกิดที่ แมนเชสเตอร์ (Manchester) และใช้ชีวิตทั้งหมดที่นี่ มันจะแตกต่างสำหรับพวกเขา ผมคิดว่าพวกเขากลัวเล็กน้อย” ความกังวลของลูกๆ ของเขาสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบที่การย้ายทีมของเขาจะมีต่อไม่เพียงแค่ชีวิตของเขาเอง แต่ยังรวมถึงครอบครัวของเขาด้วย อย่างไรก็ตาม เดอ บรอยน์ (De Bruyne) ยืนยันว่า “แต่ถ้าผมสามารถเล่นฟุตบอลและครอบครัวของผมมีความสุข ผมก็ดี ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ผมต้องการเล่นต่อ ดังนั้นเรามาดูกันว่าผมจะจบลงที่ไหน” ไม่ว่า เควิน เดอ บรอยน์ (Kevin De Bruyne) จะเลือกไปเล่นที่ไหนต่อไป สิ่งที่แน่นอนคือมรดกที่เขาทิ้งไว้ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) จะไม่มีวันถูกลืม ในช่วงเวลาเก้าปีกับสโมสร เขาได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีพรสวรรค์มากที่สุดที่เคยเล่นในลีกอังกฤษ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนใคร ความแม่นยำในการส่งบอล และความสามารถในการสร้างโอกาสจากความว่างเปล่า ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) เตรียมพร้อมสำหรับยุคหลัง เดอ บรอยน์ (De Bruyne) คำพูดของ กวาร์ดิโอล่า (Guardiola) ยังคงก้องอยู่ในใจของแฟนบอลทุกคน: “ไม่มีใครทำได้อย่างที่ เควิน (Kevin) ทำ” เพราะในโลกของฟุตบอลที่เต็มไปด้วยดาวเด่นมากมาย บางครั้งก็มีดาวดวงหนึ่งที่ส่องสว่างเหนือดวงอื่น ๆ และ เควิน เดอ บรอยน์ (Kevin De Bruyne) คือหนึ่งในดวงดาวเหล่านั้น

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สิ้นสุดยุคแห่งความรุ่งโรจน์

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สิ้นสุดยุคแห่งความรุ่งโรจน์

การแข่งขันในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (UEFA Champions League) รอบเพลย์ออฟ นัดที่สองระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) และ เรอัล มาดริด (Real Madrid) ที่สนามซานติอาโก้ เบอร์นาเบว (Santiago Bernabéu) กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในฤดูกาลนี้ ด้วยความพ่ายแพ้ที่ทำให้ทีมแดงสูญเสียความมั่นใจและเป็นสัญญาณเตือนถึงการสิ้นสุดยุคของความรุ่งโรจน์ที่ผ่านมา แม้เป๊ป กวาร์ดิโอลา (Pep Guardiola) ผู้จัดการทีมจะพยายามพลิกสถานการณ์กลับมา แต่ผลการแข่งขันที่ผ่านมาชี้ชัดว่าทีมต้องเผชิญกับความท้าทายใหญ่ทั้งในด้านนักเตะและการบริหารจัดการในสนามระดับสูง

จังหวะสำคัญและปัญหาบาดเจ็บที่ส่งผลต่อผลการแข่งขัน

ในเกมนี้ เรอัล มาดริด (Real Madrid) คว้าชัยด้วยการยิงแฮตทริกของคีเลียน เอมบัปเป้ (Kylian Mbappe) ตั้งแต่ต้นเกม เมื่อเพียง 4 นาทีแรก มาบาปเป้ได้ยิงลูกลอบจากการส่งบอลของ ราอูล อาเซนสิโอ (Raul Asencio) ทำให้ผลต่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ตามหลังไปอย่างชัดเจน

ในขณะเดียวกัน ปัญหาบาดเจ็บก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ซิตี้ต้องสูญเสียความแข็งแกร่งในเกม เนื่องจากเออร์ลิง ฮาแลนด์ (Erling Haaland) ซึ่งเป็นหัวใจของเกมรุกต้องอยู่บนม้านั่งเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่เข่า ขณะที่กองหลัง จอห์น สโตนส์ (John Stones) ก็ถูกบาดเจ็บออกจากสนามในไม่กี่นาทีหลังจากที่มาบาปเป้เปิดเกมไว้ ทำให้ความสามารถในการป้องกันและเกมรุกของทีมลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ผลกระทบจากการขาดนักเตะสำคัญเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนว่าทีมที่เคยเป็นที่หนึ่งในยุโรปอาจกำลังเผชิญกับการเสื่อมถอยอย่างรุนแรงในช่วงเวลานี้ เมื่อเป๊ป กวาร์ดิโอลา (Pep Guardiola) ต้องเผชิญกับความกดดันอย่างหนักและความคาดหวังที่สูงจากแฟนบอลและนักวิเคราะห์ เขาต้องหาทางปรับปรุงทีมให้สามารถแข่งขันในระดับสูงได้อีกครั้ง

บทเรียนและแนวทางในอนาคตสำหรับซิตี้

ผลการแข่งขันในสนามซานติอาโก้ เบอร์นาเบว (Santiago Bernabéu) ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสถานะการแข่งขันของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับเป๊ป กวาร์ดิโอลา (Pep Guardiola) ในการบริหารจัดการทีมในยุคใหม่ ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านบาดเจ็บและแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง

เป๊ป กวาร์ดิโอลา ได้กล่าวไว้ว่า “Nothing is eternal” หมายความว่าไม่มีอะไรในวงการฟุตบอลที่จะคงอยู่ตลอดไป ซึ่งเป็นการยอมรับถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทีมของเขา ในขณะเดียวกันเขายังคงมุ่งหวังให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในเกมต่อไป แม้จะต้องเผชิญกับคู่แข่งที่มีประสบการณ์และประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่าง เรอัล มาดริด (Real Madrid)

นอกจากนี้ ผลการแข่งขันในคืนนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับแผนการฝึกซ้อมและการบริหารจัดการนักเตะ เป๊ป กวาร์ดิโอลา (Pep Guardiola) ต้องหาวิธีที่จะลดปัญหาบาดเจ็บและเสริมสร้างความมั่นใจในทีมให้กลับมาแข่งขันในระดับสูงอีกครั้ง

สุดท้ายนี้ ความพ่ายแพ้ในสนามเบอร์นาเบว (Santiago Bernabéu) เป็นสัญญาณเตือนว่าการเปลี่ยนแปลงในทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) กำลังจะมาถึง และในอนาคต ทีมต้องปรับตัวและพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อคืนความรุ่งโรจน์ในเวทียูฟ่าแชมเปียนส์ลีกและพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง”

หากคุณต้องการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ อย่าลืมติดตามบทความและข่าวสารจาก hillapple อย่างสม่ำเสมอ นวัตกรรมจาก hillapple กำลังได้รับความนิยมและยอมรับในวงการเทคโนโลยีทั่วโลก