Category Archives: ข่าวฟุตบอล

ข่าวฟุตบอล

เดนมาร์ก เฉือนเข้ารอบ ยูโร 2024 แม้เสมอ เซอร์เบีย ที่ตกรอบ

ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2024 เกมในกลุ่ม ซี

ที่สนามมิวนิก ฟุตบอล อารีนา ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) พบกับ ทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia) ผลการแข่งขันเป็นการเสมอกัน 0-0 แม้ทีมชาติเดนมาร์กจะไม่สามารถทำประตูได้ แต่ก็สามารถรักษาตำแหน่งรองแชมป์กลุ่มและผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

สำหรับทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark)

เกมนี้พวกเขาจัดตัวผู้เล่นโดยส่ง อเล็กซานเดอร์ บาห์ (Alexander Bah), มอร์เตน ยูลแมนด์ (Morten Hjulmand), ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก (Pierre-Emile Højbjerg), โยอาคิม เมห์เล (Joakim Mæhle), คริสเตียน อีริกเซน (Christian Eriksen), โยนาส วินด์ (Jonas Wind) และ ราสมุส ฮอยลุนด์ (Rasmus Højlund) ลงสนาม เพียงขอแค่ไม่แพ้ก็จะผ่านเข้ารอบต่อไป ส่วนทางด้านทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia) ที่ต้องการชัยชนะเพียงสถานเดียว เปลี่ยนตัวผู้เล่นตัวจริง 3 ตำแหน่ง ส่ง เนมันยา กูเดลจ์ (Nemanja Gudelj), มิเซอร์ยาน มิไยโลวิช (Mihailo Ristić) และดร็อป ดูซาน วลาโฮวิช (Dušan Vlahović) เพื่อส่ง ลาซาร์ วูยาดิน ซามาร์ชิช (Lazar Samardžić) เล่นกับ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช (Aleksandar Mitrović) ในแนวรุก

เริ่มครึ่งแรก ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark)

ครองบอลเหนือกว่า มีโอกาสลุ้นทำประตูอยู่หลายครั้ง นาทีที่ 15 เมห์เล่ (Mæhle) เติมเกมริมเส้นครอสเข้าเขตโทษให้ บาห์ (Bah) สอดเข้ามาโหม่งแต่หลุดกรอบออกไป นาทีที่ 21 คริสเตียน อีริกเซน (Eriksen) สร้างจังหวะด้วยลูกยิงที่เฉี่ยวเสาประตูออกไปอย่างน่าหวาดเสียว ต่อมานาทีที่ 31 ราสมุส ฮอยลุนด์ (Højlund) กองหน้าวัย 21 ปี ได้ส่องจากหน้ากรอบเขตโทษแต่ เปรดรัก รายโควิช (Predrag Rajković) ผู้รักษาประตูของเซอร์เบีย (Serbia) ยังคงรับบอลไว้ได้ หมดครึ่งแรกยังไม่มีทีมใดสามารถทำประตูได้ จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0

เข้าสู่ครึ่งหลัง ทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia)

เปิดเกมรุกมากขึ้น แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดพอ ส่วนทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) เน้นครองบอลและรอจังหวะเข้าทำ นาทีที่ 55 ดูซาน ทาดิช (Dušan Tadić) ลงสนามมาสร้างโอกาสทันที โดยจ่ายทะลุช่องให้ โยวิช (Jović) หลุดเข้าเขตโทษก่อนที่ แอนเดอร์เซ่น (Andersen) จะตามมาบล็อกแต่กลายเป็นส่งลูกเข้าประตูตัวเอง ทว่ากรรมการยกธงล้ำหน้าไปก่อน เซอร์เบีย (Serbia) พลาดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย นาทีที่ 64 ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) ได้ลุ้นจากจังหวะเตะมุม โดย แยนนิก เวสเตอร์การ์ด (Vestergaard) โหม่งแต่ไปเข้ามือของ รายโควิช (Rajković)

ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกม ทั้งสองทีมพยายามเดินหน้าเพื่อทำประตู

แต่เกมรับของทั้งสองฝ่ายยังไม่พลาด เวลาที่เหลือไม่มีการทำประตูเกิดขึ้น จบเกม 90 นาที เสมอกันไป 0-0 ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) เก็บเพิ่มเป็น 3 คะแนนเท่ากับทีมชาติสโลวีเนีย (Slovenia) แต่ค่าเฉลี่ยคะแนนวินัยของเดนมาร์ก (Denmark) ดีกว่า ทำให้จบอันดับรองแชมป์กลุ่มซีและตีตั๋วผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ส่วนทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia) ต้องตกรอบไปในที่สุด

รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของแต่ละทีมมีดังนี้:

ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) (3-4-1-2): แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (Kasper Schmeichel) (กัปตันทีม) – โยอาคิม อันเดอร์เซ่น (Joachim Andersen), อันเดรียส คริสเตนเซ่น (Andreas Christensen), แยนนิก เวสเตอร์การ์ด (Jannik Vestergaard) – อเล็กซานเดอร์ บาห์ (Alexander Bah), ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก (Pierre-Emile Højbjerg), มอร์เท่น ฮูลมันด์ (Morten Hjulmand), โยอาคิม เมห์เล (Joakim Mæhle) – คริสเตียน อีริกเซน (Christian Eriksen) – ราสมุส ฮอยลุนด์ (Rasmus Højlund), โยนาส วินด์ (Jonas Wind)

ทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia) (3-4-2-1):

เปรดรัก ไรโควิช (Predrag Rajković) – มิลอช เวลีโควิช (Miloš Veljković), นิโกล่า มิเลนโควิช (Nikola Milenković), สตราฮินย่า พาฟโลวิช (Strahinja Pavlović) – อันดริย่า ซิฟโควิช (Andrija Živković), อีวาน อิลิช (Ivan Ilić), ซาช่า ลูคิช (Saša Lukić), ฟิลิป มลาเดโนวิช (Filip Mladenović) – ดูซาน ทาดิช (Dušan Tadić) (กัปตันทีม), เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช (Sergej Milinković-Savić) – อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช (Aleksandar Mitrović)

การแข่งขันในครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงความสำคัญของการเตรียมตัวและการปรับตัวในเกมที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สำหรับแฟน ๆ ของ เว็บแทงบอลสเต็ป (Step Betting Websites) และผู้ติดตามข่าวสารฟุตบอล (Football News Followers) มันทำให้เห็นว่าทุกเกมฟุตบอลมีความตื่นเต้นและความไม่แน่นอนที่ทำให้ฟุตบอล (Football) เป็นกีฬาที่มีเสน่ห์ตราตรึงใจแฟนบอลทั่วโลก

สำหรับผู้นิยม เว็บแทงบอลสเต็ป

การแข่งขันนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่ต้องการการวิเคราะห์และการวางเดิมพัน (Betting) อย่างละเอียด ความสำเร็จหรือล้มเหลวของทีมหรือผู้เล่นหนึ่งคนสามารถเปลี่ยนโอกาสในการชนะของการเดิมพันได้ การติดตามข่าวสาร (News) และสถิติอย่างใกล้ชิด จะทำให้ผู้ใช้บริการ เว็บแทงบอลสเต็ป (Step Betting Websites) สามารถทำการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ดร็อป แมกไกรว์ เหรียญสองด้านที่ต้องคิดให้ดี

ต้องบอกว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์ แทกเลยทีเดียวสำหรับ แฮร์รี่ แมกไกรว์ กองหลังกัปตันแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษด้วย ผลงานเกมทีมชาติล่าสุดก็มาโดนใบแดงจากเหลืองที่สองของเกม เป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมชาติอังกฤษแพ้ไปด้วย ความผิดพลาดที่ต่อเนื่องมาจากทั้งสโมสรและทีมชาติ ทำให้มีหลายเสียงเริ่มเชียร์ให้โซลชา ดร็อปเจ้าตัวจากการลงเล่นสักระยะเพื่อเรียกความมั่นใจ จะบอกว่าดร็อปทำได้ แต่ต้องคิดให้ดีเสียก่อน

ดร็อปเพื่อเรียกความมั่นใจ

แมกไกรว์ ถือว่าเป็นกองหลังที่ซื้อมาใช้งานคุ้มค่ามาก ในซีซั่นที่แล้วหากไม่เจ็บเจ้าตัวแทบจะได้ลงสนามทุกนัด จนถึงนัดสุดท้ายในยูโรป้าลีค เลยด้วยซ้ำ พักไปแป๊บเดียว เปิดซีซั่นใหม่มา เจ้าตัวก็ลงสนามต่อเนื่องอีก เกมทีมชาติก็ไปเล่นอีก นั่นทำให้เจ้าตัวอาจจะอยู่ในสภาพเหนื่อยล้า กรอบ และต้องการพักผ่อนให้ร่างกายสมบูรณ์ด้วย อีกด้านหนึ่งการลงสนามอย่างต่อเนื่องถ้าหากผลงานของทีมดีมันจะทำให้เค้ามั่นใจ แต่ว่าผลงานของทีมที่เค้าลงตอนนี้มันตรงกันข้ามทั้งทีมสโมสรและทีมชาติ นั่นทำให้เค้าเหมือนถูกลดความมั่นใจลงไปเรื่อยๆ การดร็อปเพื่อให้เค้าห่างจากเรื่องพวกนี้สักพักน่าจะทำให้สภาพจิตใจได้พักไปด้วย

ดร็อปแล้วผลงานแย่

ในทางกลับกัน การดร็อปเจ้าตัว มันก็สามาถคิดให้ได้เห็นอีกอย่างหนึ่งว่า ผลงานของแมกไกรว์ไม่ดีจริงจนต้องดร็อปเพื่อเป็นตัวสำรองนั่งดูเพื่อนเล่นไปก่อน หากคิดแบบนี้เจ้าตัวก็อาจจะยากหน่อยให้กลับมาปกติได้ อีกอย่างมองไปที่โปรแกรมการแข่งขันของทีมที่จะต้องเจอศึกหนักทั้งเกมลีค และ เกมยุโรป ดูยังไงก็มีเค้าไว้แม้จะเป็นตอนที่ไม่ฟิต ไม่มั่นใจ ย่อมดีกว่าการได้เห็น ไบญี่ คู่กับ ลินเดอเลิฟอย่างแน่นอน เราเชื่อว่า ยังไงโซลชาร์ ก็ไม่ดร็อป แต่จะดึงสติกลับมาได้แค่ไหนอันนี้ต้องมาดูฝีมือของเค้ากัน

ขอเชียร์ ลิเวอร์พูล ให้ซื้อนักเตะคนนี้ ซัมเมอร์นี้

ขอเชียร์ ลิเวอร์พูล ให้ซื้อนักเตะคนนี้ ซัมเมอร์นี้

อาจจะมองว่าเร็วเกินไปสำหรับการเตรียมตัวเสริมทัพในซีซั่นหน้า แต่ก็ต้องยอมรับว่าซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล ดีไม่พอสำหรับการแข่งขันลีค เลยไม่แปลกที่ตอนนี้เริ่มจะมีข่าวเสริมทัพนักเตะออกมาบ้างแล้ว อย่างล่าสุด มีข่าวออกมาว่า โฟลเรียน นอยเฮาส์ นักเตะกองกลางของ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค กำลังเป็นที่สนใจของทีม เราบอกเลยว่าคนนี้ต้องเอามาให้ได้

เพิ่มมิติในแดนกลาง

เกมการบุกของลิเวอร์พูล ในยุคของเจอร์เก็น คล็อปป์ ตัวหลักในเการทำเกม จะเป็นแบ็คทั้งสองข้างที่ดอดขึ้นมาเปิดบอลจากด้านข้าง เข้าไปพื้นที่สุดท้าย แม้ว่าการเปลี่ยนแนวมาเป็น เจาะตรงกลางด้วยการ ธิอาโก้ มันจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่ก็ไม่ตอบโจทย์เท่าไร การนำเข้า โฟลเรียน น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพราะนักเตะคนนี้จะเป็นนักเตะริมเส้นที่เปิดเข้ากลางได้ดี น่าจะทำให้ตัวเลือกการเปิดครอสจากด้านข้างของลิเวอร์พูลหลากหลายมากขึ้น

ตัวแทน ไวจน์นัลดุม

แม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวจะไม่ได้ออกมาบอกปฏิเสธอย่างเป็นเรื่อง เป็นราว แต่ว่า ไวจน์นัลดุม กองกลางไดนาโมคนทีม น่าจะลาทีมไปหลังจบหน้าร้อนนี้อย่างแน่นอน มันจึงเป็นเรื่องปกติมากที่จะต้องหาตัวแทนมาเสริมทีม แล้ว โฟลเรียน ก็เข้าสเปค พอดี แม้จะแทนที่ไม่ได้ทั้งหมด แต่การมีสำรองเผื่อไว้ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แถมนักเตะอายุ 23 ปีด้วย คงใช้งานได้อีกยาวๆ

นักเตะมีใจ

ทีนี้สิ่งที่สำคัญสุดของดีลนี้ก็คือ ตัวนักเตะเอง โฟลเรียน นอยเฮาส์ เป็นนักเตะชาวเยอรมัน คนบ้านเดียวกันกับ คล็อปป์ ไม่เท่านั้น นักเตะคนนี้ยังออกมาบอกเองเลยว่า มีใจให้กับลิเวอร์พูล ชื่นชอบผลงาน คล็อปป์ ถ้านักเตะมีใจให้แบบนี้บอกเลยว่า มันทำให้การซื้อขายไม่ยากมากนัก ไหนจะเรื่องค่าตัวที่อาจจะไม่ได้จ่ายมากเพื่อโน้มน้าวเพราะว่านักเตะอยากมาอยู่แล้วเป็นทุนเดิม สรุปว่า ดีลนี้ ลิเวอร์พูลต้องเซ็นมาให้ได้ ราคาไม่แพง ใช้ได้นาน คุ้มแน่นอน

กรีนวู้ด แตกต่างจาก แรชฟอร์ดตรงไหน

กรีนวู้ด แตกต่างจาก แรชฟอร์ดตรงไหน

เกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาชนะสเปอร์สได้ ร์สไดเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาชนะ3-1 เราเชื่อว่าคนหนึ่งที่มีผลอย่างมากในการแก้เกมของโซลชาก็คือ เมสัน กรีนวู้ด หรือน้องไม้เขียวของเรานั่นเอง กรีนวู้ด ได้ลงสนามแทนที่มาร์คัส แรชฟอร์ด ในตำแหน่งปีก การมาของเค้าต้องยอมรับว่าสร้างความแตกต่างในเกมที่น่าอึดอัดได้เป็นอย่างดี กรีนวู้ด แตกต่างจาก แรชฟอร์ดตรงไหน

 เปิดบอลเร็ว

ประตูขึ้นนำ 2-1 เป็นการเปิดบอลของ เมสัน กรีนวู้ด ที่เปิดบอลเร็วเข้าไปจากนั้น คาวานี่ ก็พุ่งโหม่งแบบตอปิโดบกเข้าไปเลย ซึ่งการเล่นแบบนี้ไม่มีหากเป็นแรชฟอร์ดยังอยู่ เราเดาได้เลยว่าถ้าเป็นแรช เค้าจะยึกยักแล้วเลี้ยงจนเส้นหลังแล้วเปิดเข้ามา สุดท้าย คาวานี่ โหม่งไม่ได้ เพราะกองหลังสเปอร์สอย่างไดเออร์ น่าจะเข้าประกบแล้ว แต่พอเป็นกรีนวู้ด น้องกล้าที่จะเปิดบอลเร็วแบบได้เสีย ซึ่งบอลเร็วแบบนี้กองหน้าแบบคาวานี่ชอบเลย เนื่องจากเป็นจังหวะเผลอของกองหลังที่อาจจะวิ่งเข้ามาประกบไม่ทันทำให้เค้าสามารถวิ่งฉีกไปโหม่งได้แบบที่เห็นกันนั่นแหละ

 ฟิตกว่า

มาร์คัส แรชฟอร์ด กลายเป็นนักเตะคนสำคัญของแมนยูไปแล้ว สังเกตได้จากหากไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่แบน ยังไง แรช ก็ได้เป็นตัวเลือกแรกของโซลชาในการลงสนาม ซึ่งการได้ลงสนามทุกเกมมันดีจริง แต่มันทำให้นักเตะล้าอย่างเห็นได้ชัด เกมนี้ก็เช่นกัน แรชฟอร์ด เหมือนเครื่องยนต์ที่สตาร์ทแล้วไม่ติดเป็นบางครั้ง นั่นทำให้การลงมาของกรีนวู้ด ดูจะฟิตกว่า การออกตัววิ่ง และความกระหายในชัยชนะ ความกระหายในการเล่นมีมากกว่าเยอะเลย ตรงจุดนี้สร้างความแตกต่างได้อย่างที่เห็นน้องเค้าทำได้ในประตูที่สาม

เล่นตามช่องคาวานี่

แรชฟอร์ด แม้ว่าจะเล่นดี แต่หลายครั้งเราเห็นเล่นไม่ค่อยสอดคล้องกับคาวานี่ เท่าไร เหมือนภาษาบอลเค้าว่าไปคนละช่องนั่นแหละ แต่กับ กรีนวู้ด ดูนักเตะจะเล่นตามช่องประสานกับ คาวานี่ได้ดีกว่า บางทีเหมือนคาวานี่บอกช่องแล้วน้องทำตาม มันก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเอาอยู่ยากเหมือนกัน

มาร์คซิยาล ซีซั่นที่ต้องพัฒนาตัวเองโดยด่วน

มาร์คซิยาล ซีซั่นที่ต้องพัฒนาตัวเองโดยด่วน

แมนยูเคยเป็นทีมที่มีกองหน้าแบบคมๆอย่างไม่ขาดแคลน แต่มาช่วงหลังต้องบอกว่ากองหน้าที่มีอยู่ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่ไว้ใจได้สักเท่าไร แต่การมาของ คาวานี่ มันเหมือนกับปลุกวิญญาณกองหน้าของแมนยู ให้กลับมาน่ากลัวอีกครั้งหนึ่ง การที่ฟอร์มของ คาวานี่ โดดเด่นขึ้นมา นั่นทำให้อีกคนหนึ่งต้องหงอยลงไป เค้าคนนั้นก็คือ อองโตนี่ มาร์ซิยาล ซีซั่นนี้ฟอร์มตกลงไปเยอะจนเราต้องบอกว่าพัฒนารีดฟอร์มด่วน

การย้ายไปเล่นปีก

ซีซั่นนี้ ต้องยอมรับว่า แฟนผีรู้สึกอุ่นใจกว่า เมื่อคาวานี่ได้ลงสนามในฐานะหน้าเป้า แทนที่ มาร์คซิยาล ที่ซีซั่นนี้เค้าถูกโยกไปเล่นปีกมากกว่าเดิม เรามองว่าที่โดนไปแบบนั้นเพราะว่า เค้าไม่เหมาะกับการเล่นศูนย์หน้าตัวเดียวที่ยืนชนกับกองหลังแล้วพลิกเล่น เค้าเหมาะกับการเล่นเป็นศูนย์หน้าแบบลากเลี้ยงเข้าหาคู่ต่อสู้ ต้องมีพื้นที่ให้วิ่งเพื่อสร้างความเร็ว คล่องตัว ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นมันมีคนจองอยู่แล้ว

รีบพัฒนาก่อนทีมจะซื้อ

จากด้านบนเรามองว่า เค้าต้องรีบพัฒนาตัวเองในการเล่นปีกก่อนที่ทีมจะซื้อใครเข้ามา ซีซั่นนี้เค้าจะได้รับบทบาทเป็นเล่นเป็นปีกซ้ายในเวลาที่ แรชฟอร์ด ต้องขึ้นไปเล่นหน้าเป้า หรือ อาจจะได้เล่นปีกขวา ซึ่งตอนเล่นปีกซ้ายทำได้ดี แต่ว่าปีกขวา ทำได้ไม่ดีเลย ตรงนี้น่าห่วง เพราะถ้าหากทีมซื้อตัวทำเกมริมเส้นฝั่งขวาเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น แจ็ค กรีลิช หรือ เจดอน ซานโช่ เค้าจะมีโอกาสลงสนามน้อยลงมา สองคนนั้นน่าจะทำอะไรได้ดีกว่า

หาทางย้ายเพื่อลงสนาม

หากมาร์คซิยาล ไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้ในซีซั่นนี้ พูดกันตามตรงว่าทีมน่าจะซื้อคนอื่นมาเล่นแทน แล้วขายเค้าออกไป หรือมองอีกมุมหนึ่ง เค้าอาจจะต้องหาทางย้ายออกไปเพื่อสร้างโอกาสในการลงสนามให้กับตัวเองมากขึ้น ตอนนี้ก็ผ่านไปครึ่งซีซั่นแล้ว แฟนผีที่ชื่นชอบหนูมาร์ค ก็อาจจะต้องให้กำลังใจกันหนักหน่อย

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะแต่มีจุดต้องปรับแก้

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะแต่มีจุดต้องปรับแก้

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถิติที่สุดยอดจริงๆของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับการชนะเวสต์แฮม เกมล่าสุดที่ผ่านมา ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยนะสำหรับการเล่นเกมนั้น เพราะว่าเวสต์แฮมเองก็มาดีเช่นกันการชนะ 2-1 เป็นการการันตีความยอดเยี่ยมของเวสต์แฮมด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การชนะนัดนี้ทำให้พวกเค้าทำสถิติชนะรวด 20 รายการเป็นสถิติที่ยากจะมีใครโค่นล้มได้ แต่ว่าในการชนะแบบหนืดๆนั้น มีประเด็นต้องปรับแก้เหมือนกัน

ระบบไร้กองหน้า สะท้อนกลับ

ก่อนหน้านี้เราอาจจะกังวลว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ไม่มีกองหน้า ทั้งกุน และ เฆซุส จะเป็นอย่างไร ปรากฏว่าไม่เป็นปัญหาเลย เพราะว่าเค้าปรับมาใช้ระบบไร้กองหน้า มันก็ได้ผลดี แต่ว่าตอนนี้พอกองหน้ากลับมาแล้ว นั่นทำให้การเล่นดูติดๆขัดๆไปหมด เหมือนนักเตะจะชินกับระบบไร้กองหน้าไปแล้ว พอกองหน้าลงมาเหมือนเป็นตัวแถม เล่นแบบไร้ตัวตนมาก อันนี้ต้องดูว่าเป๊ป จะแก้นิสัยติดระบบไปแล้วอย่างไร จะเล่นแบบไร้กองหน้าเหมือนเดิม หรือ ปรับไปเล่นกองหน้า

นักเตะดูเหนื่อย ดูเนือย

เกมนี้นักเตะของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้ส่งตัวเร็วๆ ตัวจิ๊ดๆลงมา นั่นทำให้เกมของพวกเค้าดูเหนื่อย และดูเนือยลงไปพอสมควร อันนี้ก็เข้าใจได้ เพราะว่าพวกเค้าลงเตะติดต่อกันถี่มาก จนนักเตะหลายคนล้าให้เห็น แต่บางคนก็ต้องเข็นลงไปเพื่อรักษาสมดุลเกม ปรากฏว่าสปีดเกม สปีดบอลของพวกเค้าดูช้าลงไปหลายจังหวะเหมือนกัน คงต้องรีบูทกันใหมอีกรอบ

การปิดเกมทำไม่ได้

โดยทุกที แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซีซั่นนี้ไม่ได้เป็นทีมที่ยิงเยอะ แต่ยิงเพื่อชนะแล้วปิดเกมทันที เกมนี้กับเวสต์แฮม เค้ากลับทำแบบนั้นไม่ได้ การครองบอลเพื่อปิดเกมทำได้น้อยมาก ยิ่งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ กลายเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ปล่อยให้เวสต์แฮม ทำเกมบุกเข้าใส่ ดีว่าลูกตั้งเตะสุดท้ายของเวสต์แฮมไม่เข้ากรอบ หากคนที่โหม่งลูกนั้นเป็น ซูเช็ค หรือ อันโตนิโอ นี่บอกเลยว่า โอกาสเข้ามีสูงมาก เกมต่อไปคงต้องรัดกุมมากกว่านี้

อะไรเป็นปัญหาของเชลซี ในเกมล่าสุด

อะไรเป็นปัญหาของเชลซี ในเกมล่าสุด

จะว่าเป็นเรื่องแปลกก็ได้ จะว่าบังเอิญก็ใช่ ไม่ว่าทำไมตั้งแต่เชลซีเปลี่ยนสปอนเซอร์บนหน้าอกเป็นเลข 3 ดูเหมือนทีมจะถูกโฉลกกับเลขตัวนี้ตลอด หากชนะ 3-0 มันก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ปัญหาก็คือพวกเค้าเสมอ 3-3 อีกแล้วนี่สิ อย่างล่าสุดพวกเค้ามาเจอสกอร์นี้อีกครั้งกับเกมเจอนักบุญเซาท์แธมป์ตัน หลังจบเกมนี้มีอะไรเป็นปัญหาที่เชลซีต้องแก้ไขบ้าง

เกมรุกลื่นไหล แต่ไม่หลอมรวม

เกมรุกในเกมนี้ของพวกเค้าต้องบอกว่า คมจัดมาก ติโม แวร์เนอร์ วันนี้เหมือนมงลง แอสซิสต์ 1 และ ยิงอีก 2 ประตู รวมถึง ไค ฮาร์แวตช์ กองกลางคนบ้านเดียวกันจัดไป 1 ประตู ฟอร์มของพวกเค้าดูร้อนแรงมากแต่ว่ากลับดูไม่หลอมรวมกันเท่าไร ในช่วงที่นำ 2-1 เหมือน แวร์เนอร์ จะเล่นฝืนไปในหลายจังหวะ เพื่อจะทำแฮตทริคให้ได้ ทำให้เกมรุกเสียของไปหลายครั้ง จนโดนตีเสมอ 2-2 นั่นแหละ ถึงจะกลับมาเล่นเป็นทีม ส่งบอลชิ่งกันไปมา เจาะทะลุช่องแป๊บเดียวได้ประตูที่ 3 มันคงจะดีถ้าหากทั้งหมดเล่นแบบนี้ตลอดทั้งเกม คงต้องติวกันให้ดี

เกมรับ รั่วทุกเกม

ตั้งแต่เปิดซีซั่นมา นับเฉพาะในลีคเกมที่ชนะคริสตัล พาเลซ 4-0 เป็นเกมเดียวที่เก็บคลีนชีตมาได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเกมรับของเค้ามีปัญหามาก คำว่า “ความผิดพลาดส่วนบุคคล” เกิดขึ้นแทบจะทุกเกมเลย เกมรับคริสตัล พาเลซ ก็มีแต่ไม่ทำให้เสียประตู เกมนี้เองก็เช่นกัน ความผิดพลาดของ เคิร์ท ซูม่า ที่คืนหลังพลาด บวกกับ เกป้า ก็เล่นพลาดอีก ทำให้เสียประตู 2-2 หรือจะย้อนไปลูกแรก ไค ฮาร์แวตช์ พลาดเสียบอล แล้วกองหลังเหมือนเหม่อ ไม่วิ่งเข้าประกบ แดนนี่ อิงส์ กองหน้าเซาท์ ทำให้เค้าหลุดไปยิงได้ง่ายๆ หากหวังจะไปไกล คงต้องขันน็อตเกมรับให้ดีกว่านี้

แทคติคส์ ปิดเกม

จริงๆอันนี้ถือว่าน่าแปลกใจ เชลซี ออกนำ 3-2 ตั้งแต่นาทีที่ 59 จริงอยู่ว่า พวกเค้าพยายามที่จะบุกเพื่อทำประตูเพิ่มให้ได้ จะได้ปิดเกมให้จบ แต่ว่าพอใกล้ท้ายเกม พวกเค้ากลับไม่มีวิธีการครองบอลเพื่อปิดเกมให้ได้เลย อันนี้ แฟรงค์ น่าจะทำได้ดีกว่านี้ ต้องเน้นผลการแข่งขันด้วย ไม่งั้นคงเกิดปัญหาแบบนี้อีกในเกมต่อๆไป

สรุปผลงานรายการยูโร 2020 ทัพ กระทิง(ไม่)ดุ สเปน

สรุปผลงานรายการยูโร 2020 ทัพ กระทิง(ไม่)ดุ สเปน

สำหรับทัพกระทิงดุ สเปน ตอนนี้พวกเค้าน่าจะอยู่ในช่วงการพัฒนาตัวเองให้กลับไปสู่ยุคทองอีกครั้ง นักเตะชุดนี้เป็นทีมที่ถ่ายเลือดใหม่มาตั้งแต่ครั้งจบฟุตบอลโลกคราวที่แล้ว เรื่องประสบการณ์อาจจะน้อย หรือ ตัวเลือกนักเตะอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตากันเท่าไร เรามาดูกันว่า ทัพกระทิง(ไม่)ดุ สเปนคราวนี้มีผลงานอย่างไรกันบ้าง

ผลการแข่งขัน

สเปนเดินทางเข้าสู่ยูโร 2020 ด้วยการเริ่มต้นรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี เพื่อนร่วมกลุ่มของเค้าก็คือ สวีเดน, สโลวัคเกีย และ โปแลนด์ ว่ากันตามตรง สเปน ไม่น่าจะยากเท่าไรในการเล่นรอบแบ่งกลุ่ม แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเค้าเจอปัญหาปืนฝืดกองหน้าแทบไม่ยิงทำให้พวกเค้าเกือบไม่ผ่านเข้ารอบ ดีว่าเกมสุดท้ายพวกเค้ากลับมายิงเยอะเลยเบียดเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่มไป มารอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเค้าเจอกับ โครเอเชีย ก็ดูว่าสเปน น่าจะเหนือกว่านิดๆแต่จังหวะฟุตบอลมันก็แบบนี้ พวกเค้าออกนำ 3-1 ช่วงนาทีที่ 77 แต่สิบนาทีสุดท้าย โครแอตไล่มาทัน 3-3 ต้องไปลุยต่อในช่วงต่อเวลายังดีที่ยิงได้เพิ่มอีก ปิดเกมชนะไปได้ หลุดมาเจอกับอิตาลี ที่เจอปัญหาเดิมอีก ยิงเค้าไม่ได้ สุดท้ายเสมอกันไป 1-1 คราวนี้ต้องไปจนถึงจุดโทษกลายเป็นอิตาลีที่นิ่งกว่า ส่งกระทิงกลับบ้านไป

นักเตะฟอร์มดี

คนแรกที่เราว่าฟอร์มดีมาก เป็น เอเมอริค ลาปอร์ต จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เค้ากลายเป็นกำแพงเหล็กคนใหม่ของสเปน เหลือแต่หาคนมาคู่ น่าจะทำให้ กองหลังสเปน แข็งแกร่งขึ้น คนที่สองเรายกให้กับ อูไน ซิมม่อน ผู้รักษาประตูที่เบียดขึ้นมายึดมือหนึ่งได้ หากไม่นับช็อตที่เล่นพลาดจนเสียประตูในเกมกับโครเอเชียที่เหลือก็ไม่ได้แย่เลย การเซฟจุดโทษก็ดีด้วย สถิติตลอดทั้งทัวร์ เล่นไป 6 เกม เซฟไป 9 ครั้ง คนอื่นอาจจะต้องเร่งฟอร์มหากหวังจะเบียดตำแหน่ง

อนาคต

ทัพกระทิงคราวนี้ หากจะมองน่าจะเป็นช่วงพัฒนาการ ยังไม่โตเต็มวัยเท่าไร เกมรุกก็ฝืด เกมรับก็ไม่นิ่ง ปิดเกมไม่ได้ตามต้องการ แต่แนวทางมาดีแล้ว ต้องดูว่าจะยกระดับก้าวข้ามตรงนี้ไปได้หรือไม่ ไม่งั้นฟุตบอลโลกคราวหน้าพวกเค้าอาจจะเป็นเพียงแค่ทีมรองบ่อนเท่านั้นเอง

ข้อดีของเกมเสมอ เอฟเวอร์ตัน ล่าสุด

ข้อดีของเกมเสมอ เอฟเวอร์ตัน ล่าสุด

ข้อดีของเกมเสมอ เอฟเวอร์ตัน ล่าสุด

เราเชื่อว่าแม้จะผ่านเกมมาได้หลายวันแล้ว แต่ความรู้สึกของแฟนผี ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายคนยังมูฟออน กับเกมที่เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน แบบที่ชัยชนะอยู่ตรงหน้าแต่เอื้อมมือคว้าไว้ไม่ได้จริงๆ เราเองก็เช่นกัน สิ่งที่ทำให้เรามูฟออนกับเรื่องดังกล่าวได้ ก็คงเป็นเรื่องการมองหาข้อดีของเกมนี้กันบ้าง มีอะไรบ้าง

จิตใจที่สู้แบบไม่ถอย

เอาจริงๆก่อนเกมนัดนี้ เราเชื่อว่า โซลชา กุนซือของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงจะติวลูกทีมหนักมากถึงความสำคัญของชัยชนะนัดนี้ เอาแค่เรื่องตารางคะแนนที่หากเอาชนะได้ ก็จะทำแต้มทาบจ่าฝูงอย่าง ซิตี้ แม้จะแข่งมากกว่าก็ตาม บวกกับวันที่ลงเตะ เป็นวันเดียวกับเกิดโศกนาฏกรรมมิวนิคด้วย นั่นทำให้การลงสนามนัดนี้นักเตะทุกคนสู้แบบไม่ถอยเลยทีเดียว สิ่งที่เราไม่ได้เห็นมานานก็คือ แม้ว่าโมเมนตั้มจะเป็นยังไง เสมอ 0-0 ออกนำ หรือ โดนแซงนำ ทุกคนก็สู้จนกว่าจะถึงนกหวีดสุดท้าย อันนี้เป็นภาพที่แมนยูไม่ได้เห็นบ่อยนัก

การเข้าทำที่หลากหลาย

ก่อนหน้านี้การเข้าทำของแมนยู อาจจะหลากหลายแต่ว่าหลายทีมก็เตรียมการบ้านมาดี ดักทางได้หมด ทีนี้เกมนี้ โซลชา เองก็รู้ว่า การเข้าทำแบบเดิมๆ อาจจะโดนดักทางได้ง่ายทำให้คราวนี้มีการเข้าทำที่มากกว่าเดิม โดยเฉพาะการเปลี่ยนวิธีการบุกมาเป็นการบุกเพื่อครอสจากเส้นข้างให้ คาวานี่ เข้าทำ อันนี้เจ๋งจริง จนเป็นที่มาของประตูแรกที่คาวานี่ โหม่งเข้าไปอย่างสวยเลย

บรูโน่ กลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง

แม้ว่าเกมนี้ ป็อกบา จะไม่สามารถเล่นได้ตลอดเกม ทำให้ออกจากสนามเร็วไป (จนเป็นส่วนหนึ่งให้โมเมนตั้มเปลี่ยนไปเข้าฝั่ง เอฟเวอร์ตัน) อย่างไรก็ตาม บรูโน่ แฟร์นันเดส เกมนี้เหมือนเค้าจะกลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้งที่แฟนบอลคุ้นเคย การทำทั้งแอสซิสต์ และ ทำประตูได้ในเกมนี้ น่าจะเรียกความมั่นใจให้เค้ากลับมาได้เยอะเลย หวังว่าต่อจากนี้จะรักษาฟอร์มได้อย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อไล่ล่าจ่าฝูงคืนมาจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้

ทีมยอดแย่ช่วงนี้มีใครโดนกันบ้าง

ทีมยอดแย่ช่วงนี้มีใครโดนกันบ้าง

แต่ละสัปดาห์สำนักข่าวจะมีการจัดอันดับโน่นนี่มากมายเพื่อเป็นการสรุปภาพรวมของการแข่งขันลีคแต่ละสัปดาห์นั้นด้วย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา การจัดอันดับที่ไม่มีใครอยกเข้าไปอยู่คือทีมยอดแย่ประจำสัปดาห์ เพราะนั่นหมายถึงเครื่องสะท้อนว่าฟอร์มการเล่นของเราไม่ดีเลย ไปดูกันว่าช่วงนี้มีใครกันบ้าง

ผู้รักษาประตูและแนวรับ
ผู้รักษาประตูที่หลายฝ่ายลงความเห็นว่า ตอนนี้ฟอร์มตกอย่างมาก เป็น เกป้า อาร์ริซาลาลาก้า ของเชลซี นายทวารที่มีค่าตัวแพงคนนี้ ซีซั่นนี้ต้องบอกว่าการเซฟลูกยากมีให้เห็นน้อยมาก จนแฟนบอลบอกว่าตรงเป็นตุงกันเลยทีเดียว เกมเสมอกับ อาร์เซนอล 2-2 เจ้าตัวเซฟแทบไม่ได้เลย ขยับมาที่แนวรับ แมกไกรว์ จากแมนยูเข้ามาติดด้วยในเกมที่แพ้เบิร์นลี่ย์ เค้าพลาดเองทั้ง 2 ลูก ต่อมาอันเจโล อ็อกบอนน่าของเวสต์แฮมแม้จะได้ชื่อว่าเป็นกองหลังจากอิตาลี แต่เกมล่าสุดเค้าคือบ่อน้ำมันชั้นดีเลย ส่วนอีกสองเป็น ดาวิด ลุยซ์ กับ มุสตาฟี่ จากอาร์เซนอล ในความผิดพลาดของเกมนั้น คงว่าใครไม่ได้จริงๆ

กองกลาง
คนแรกในกองกลางถือว่าน่าเห็นใจเหมือนกัน กองเต้ จากเชลซี เค้าเล่นดีตลอดในเกมเจออาร์เซนอล แต่มาพลาดลื่นให้ อีกฝ่ายเลี้ยงผ่านไปยิงประตูได้ เลยต้องมาติดโผนี้ด้วย เปเรยร่าของแมนยู เกมนี้เหมือนกับอีกหลายครั้งที่โยนโอกาสของตัวเองทิ้งไป สร้างอันตรายและสร้างเกมรุกไม่ได้เลย สามปาสกาล กรอสส์ จากไบร์ทตัน ต้องเสียใจด้วยที่ทำเข้าประตูตัวเองอย่างโชคร้าย แต่ยอมรับว่าตลอดทั้งเกม เค้าทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง

กองหน้า
มาร์กซิยาล แม้ว่าจะได้กลับมาเล่นเป็นศูนย์หน้า แต่ความเฉียบขาด สัญชาติญาณหายไปหมด พลาดโอกาสไปหลายครั้งแบบไม่น่าให้อภัย เซซุส จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้เองก็เช่นกัน เล่นตลอดทั้งเกมไม่ได้ประตู ขนาดยิงจุดโทษก็ยังไม่เข้า พอ กุน ลงมาเข้าเลย มันก็เปรียบเทียบได้เห็นผลอยู่ อีกคนเป็น เชงค์ โตชุนของ พาเลซ ลงไปเหมือนทำให้คนครบ 11 คนเท่านั้นเองไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรเลย หวังว่าสัปดาห์ต่อไปนักเตะในโผนี้จะดีขึ้นนะ